รายงาน Gold Yearbook 2018 จาก CPM Group เผยว่า ภาพรวมการลงทุนทั่วโลกในปีนี้ ได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนทองคำ เหมืองทองและผู้ผลิตเหรียญทองคำ ได้ช่วยหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้นรายปีมากที่สุดในรอบ 5 ปี
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงินทั่วโลก ควบคู่กับเฟด อาจช่วยหนุนตลาดสหรัฐฯเพียงเล็กน้อย จึงอาจสะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มส่วนใหญ่ที่เสี่ยงจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัว
CPM คาดการณ์ว่า การลงทุนในทองคำสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 20.3 ล้านออนซ์ หรือคิดเป็น +6.6% เพิ่มขึ้นจากระดับ 19.1 ล้านออนซ์ในปี 2017
ขณะที่บริษัทฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ปริมาณเหรียญทองคำจากกลุ่มผู้ผลิตในภาคเอกชนในรูปแบบของ Mint อาจแตะ 6 ล้านออนซ์ในปีนี้ จากระดับ 5.7 ล้านออนซ์ในปี 2017 และถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2016
กรรมการผู้จัดการ RBC Wealth Management กล่าวว่า ความผันผวนของตลาดถือเป็นเรื่องผิดปกติ ท่ามกลางความกังวลของกลุ่มนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นและการเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากดูจะเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงได้ดีรวมทั้งความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อ
โดยภาพรวมอุทปานทองคำปีนี้จะพุ่งขึ้น 127.4 ล้านออนซ์ จากระดับ 127 ล้านออนซ์ในปีที่แล้ว
ทางด้านอุปทานเหมืองทองคำทั่วโลกเพิ่มขึ้น 97.2 ล้านออนซ์ในปีนี้ จากระดับ 97 ล้านออนซ์ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะเป็นตัวกดดันภาวะอุปสงค์ทองคำในด้านการลงทุน จึงอาจเห็นอุปสงค์ทองคำอยู่ที่ 97 ล้านออนซ์เช่นเดียวกับปีที่แล้ว
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ 14% ในปี 2017 จากช่วงสิ้นปี 2016 แม้ว่าตลาดหุ้นจะทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง และค่าเงินดิจิทัลมีแนวโน้มจะลดความน่าสนใจการลงทุนในทองคำช่วงปีที่แล้ว ขณะที่ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ประกอบกับความล้มเหลวในการผลักดันกฎหมายสุขภาพที่จะมาแทนที่ Obamacare รวมไปถึงประเด็นทางการเมืองในซีเรีย อิหร่าน และคาตาโลเนีย
อย่างไรก็ดี นักลงทุนทองคำได้เปลี่ยนแปลงไปในปี 2017 โดยมียอดขายเหรียญทองตกลงสู่ระดับ 5.7 ล้านออนซ์ในปี 2017 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2012 แต่ดูเหมือนจะมีกำลังเข้าซื้อทองคำเพิ่มจากความกังวลตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพราะถึงแม้ยอดขายเหรียญทองจะลดลง แต่การลงทุนทองคำในกองทุน ETF และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงออพชันกลับเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015
ที่มา: Kitco