• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 5 เมษายน 2561

    5 เมษายน 2561 | Economic News


• ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนและค่าเงินสวิสก์ฟรังก์ โดยได้รับอานิสงส์จากการรีบาวน์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ท่ามกลางนักลงทุนที่ลดมุมมองลบต่อผลกระทบในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้การดำเนินการเดียวกั

• นักวิเคราะห์บางส่วนกล่าวว่า ความตึงเครียดทางการค้าที่เกิดขึ้น อาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ แต่หากภาวะดังกล่าวยุติลงก็น่าจะส่งผลได้ เนื่องจากอาจเป็นทั้งปัจจัยบวกหรือลบต่อดอลลาร์ โดยสถานการณ์ดังกล่าวจะกลายเป็นผลบวกต่อดอลลาร์ หากยอดขาดดุลบัญชีลดลง หรือเฟดมีการขึ้นดอกเบี้ยได้

หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Rafiki Capital ยังกล่าวอีกว่า โดยปกติจะเห็นค่าเงินดอลลาร์ตอบรับเชิงบวกต่อภาวะการสิ้นสุดของปัญหาดังกล่าวมากกว่า แต่ดอลลาร์ก็อาจได้รับผลรับเชิงลบหากมีการใช้แผนเรียกเก็บภาษีจริง เพราะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในภาวะชะลอตัวได้

อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า ภาวะตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าในช่วง 3 วันจาก 5 วันทำการ เนื่องจากค่าเงินเยนมีการปรับแข็งค่าในฐานะ Safe-Haven โดยค่าเงินเยนแข็งค่าแล้วกว่า 5% ในปีนี้ ขณะที่ค่าเงินสวิสก์ฟรังก์แข็งค่ากว่า 1.4% ในปีนี้

• ในช่วงค่ำวานนี้ ค่าเงินดอลลาร์ปรับขึ้นได้ 0.1% เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนที่ระดับ 106.72 เยน/ดอลลาร์ จากรายงานการจ้างงานภาคเอกชนที่ขยายตัวได้เกินคาดสู่ระดับ 241,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย 0.1% ที่ระดับ 90.14 จุด และค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นแตะ 1.2280 ดอลลาร์/ยูโร แต่ในช่วงที่จีนประกาศแผนภาษีในช่วงเย็นวานนี้ ก็ได้ส่งผลให้ค่าเงินหยวนปรับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบระดับวันนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.พ. โดยอ่อนค่าลง 0.6% แตะ 6.3094 หยวน/ดอลลาร์

• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ พบว่า ADP เผยรายงานการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯประจำเดือนมี.ค. ออกมาดีขึ้นเกินคาด 241,000 ตำแหน่ง ขณะที่เดือนก่อนหน้ามีการปรับทบทวนขึ้นมาที่ระดับ 246,000 ตำแหน่ง โดยภาพรวมได้รับอานิสงส์จากการจ้างงานในกลุ่มก่อสร้างและภาคการผลิตที่ฟื้นตัว

• ขณะที่ ISM เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องในเดือนมี.ค. และเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า

• รัฐบาลสหรัฐฯส่งสัญญาณถึงความต้องการที่จะเจรจากับทางรัฐบาลจีน เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการค้า หลังจากที่จีนตอบโต้ด้วยการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ สำหรับสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯเมื่อช่วงเย็นวานนี้

• ขณะที่ทางทำเนียบขาว แสดงความคาดหวังว่า จีนจะทำการเปลี่ยนแปลง “กฎการค้าที่ไม่ยุติธรรม” เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทีมบริหารของนายทรัมป์ เดินหน้าประกาศแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจีน

• นายซุย เทียนไค่ เอกอัครราชทูตจีน เดินทางถึงสหรัฐฯแล้วเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวานนี้ เพื่อมาเป็นตัวแทนการเจรจากับ นายจอห์น ซูลิแวน รักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีน

• ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ SUV ของเยอรมนี โดยเฉพาะบริษัท Tesla และ Ford Motor ที่มีโรงงานผลิตอยู่ทางตอนใต้ของสหรัฐฯและส่งออกไปยังจีน

ขณะที่โรงงานผลิตรถยนต์ของ Tesla ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ มีการส่งออกรถยนต์ไปยังจีนจำนวนประมาณ 15,000 คันต่อปี อาจสูญเสียงบประมาณการผลิตไปกว่าแสนล้านเหรียญ หากจีนทำการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯเป็นเท่าตัว นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ที่อาจได้รับผลกระทบอย่างหนักก็ยังมีบริษัท BMW และDaimler เป็นต้น

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะลงนามคำสั่งการให้หน่วยรักษาความปลอดภัยของประเทศช่วยปกป้องบริเวณพรมแดนเม็กซิโก

• รัฐบาลสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรกลุ่มผู้ใกล้ชิดกับนายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ในคืนวันพฤหัสบดีนี้ ภายใต้ข้อกล่าวหาว่ารัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2016 โดยหากสหรัฐฯมีการดำเนินการตามนี้จริง ก็จะกลายเป็นการคว่ำบาตรทางธุรกิจกับรัสเซียที่หนักมากที่สุดในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ยังได้รับเสียงกดดันจากหลายๆฝ่าย เนื่องจากนายทรัมป์ไม่มีการดำเนินการกดดันรัสเซียที่ชัดเจนใดๆด้วยตัวเขาเอง ท่ามกลางการสืบสวนความเกี่ยวข้องกันระหว่างนายทรัมป์และรัสเซีย โดยคณะสืบสวนพิเศษนำโดยนายโรเบิร์ต มูลเลอร์

• รายงานจาก Reuters ระบุว่า เมื่อวานนี้ ทางกองทัพรัสเซียได้มีทดสอบขีปนาวุธด้วยกระสุนจริง ภายในทะเลบอลติก ส่งผลให้สมาชิกกลุ่ม NATO ต้องประกาศปิดน่านฟ้าเหนือทะเลบอลติก

• บริษัท Facebook ล่าสุดออกมาเปิดเผยว่า อาจมีบัญชีผู้ใช้งานจำนวนถึง 87 ล้านบัญชี ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ ที่ถูกลักลอบเข้าถึงข้อมูลอย่างไม่เหมาะสม จากเดิมที่สำนักข่าวเคยรายงานไว้ที่จำนวน 50 ล้านบัญชี

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯรีบาวด์จากระดับต่ำสุด หลังจากจีนเสนอให้มีการกำหนดอัตราภาษีศุลกากรสำหรับการส่งออกของสหรัฐฯที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลงที่ระดับ 66.69 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลงที่ระดับ 62.06 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com