ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.4% ที่ระดับ 90.12 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.4% ที่ระดับ 1.2282 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนแข็งค่าลงมาอีก 0.5% ที่ระดับ 106.89 เยน/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินเยนและสวิสฟรังก์ถูกเข้าถือครองเพิ่มขึ้นในฐานะ Safe-Haven หลังจากที่ในคืนวันศุกร์ จีนกล่าวเตือนว่าจะทำการตอบโต้กลับอย่างสาสม หลังจากที่สหรัฐฯจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจีนสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญ โดยโฆษกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า จีนไม่ลังเลทีจะหาทำการตอบโต้หากสหรัฐฯยังคงมีการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้า
นอกจากนี้ ภาวะสงครามทางการค้าจะเป็นปัจจัยที่ถ่วงค่าเงินดอลลาร์แล้ว ข้อมูล Non-Farm Payrolls ที่ออกมาแย่กว่าที่คาด ประกอบกับถ้อยแถลงประธานเฟดในเชิงกล่าวซ้ำเดิมเรื่องทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแนวโน้มที่จะยังคงแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้เงินเฟ้อขยายตัวได้ตามเป้าก็เป็นปัจจัยกดดันการอ่อนค่าของดอลลาร์

• ผลการประกาศข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมี.ค. ของรัฐบาลสหรัฐฯออกมาแย่กว่าที่คาดที่ระดับ 103,000 ตำแหน่ง โดยลดลงมาจากเดือนก่อนหน้าประมาณ 223,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่มีการปรับทบทวนขึ้นมาที่ 326,000 ตำแหน่ง
ขณะที่อัตราว่างงานสหรัฐฯเดือนมี.ค. ออกมาแย่กว่าที่คาดเช่นกันที่ระดับ 4.1% ซึ่งยังเป็นระดับเดิมจากเดือนก่อนหน้า และข้อมูลอัตราค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงออกมาดีขึ้นตามคาดที่ระดับ 0.3% จากเดิมที่ระดับ 0.1%
อย่างไรก็ดี ภาพรวมดูเหมือนตลาดการเงินจะตอบรับกับข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯเพียงเล็กน้อย ขณะที่ระยะยาวดูเหมือนแนวโน้มของตลาดแรงงานดูจะยังแข็งแกร่ง ขณะที่ความกังวลด้านเงินเฟ้อปรับตัวลดลง เนื่องจากข้อมูลค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงล่าสุดส่งผลให้ภาพรวมรายปีของค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงปรับขึ้นมาบริเวณ 2.7%
• นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด และประธานเฟดสาขานิวยอร์กคนใหม่กล่าวว่าจะทำการจับตาอย่างใกล้ชิดต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ท่ามกลางภาวะความเสี่ยงต่างๆทางด้านการค้า ประกอบกับทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
• นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อมุมมองเชิงบวกด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะบรรลุเป้าหมาย 2% ที่เฟดกำหนดอย่างช้าๆ ดังนั้น การขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม
• นายสตีเฟ่น มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ความเสี่ยงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนหลังจากที่มีมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้านับพันล้านเหรียญอาจไม่ก่อให้เกิดภาวะ Trade War ขึ้นเนื่องจากเรายังมีการหารือกับจีนอย่างต่อเนื่อง และภาพรวมระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศยังคงค่อนข้างแน่นแฟ้น และจะเดินหน้าเจรจาด้านการค้ากันอย่างต่อเนื่อง
• เมื่อวานนี้สื่อประจำรัฐบาลจีน ระบุถึงการพยายามโน้มน้าวให้บรรดาภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ทำการต่อต้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่น่าจะประกาศนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีกเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านเหรียญ
โดยรัฐบาลจีนยังได้เตือนสหรัฐฯอีกว่า หากดำเนินการขึ้นภาษีเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านเหรียญจริง จีนจะมีมาตรการโต้กลับที่รุนแรงเช่นกัน
นอกจากนี้ ทางจีนได้มีการยื่นฟ้องร้องกรณีความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ ต่อองค์การการค้าโลก (WTO) แล้ว โดย WTO ได้กำหนดให้ทั้ง 2ประเทศเร่งเจรจาแก้ไขความขัดแย้งให้สำเร็จภายใน 60 วัน
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นผ่านทางทวิตเตอร์ ว่าทางรัฐบาลจีนจะต้องลดกำแพงทางการค้าลงผ่านการขึ้นภาษีสินค้าจากจีน แม้ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศยังคงมีแนวโน้มจะย่ำแย่ลงก็ตาม
ขณะที่ ทางเจ้าหน้าบางส่วนของทีมบริหารของนายทรัมป์กล่าวว่า การขึ้นภาษียังไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างเต็มที่ และความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศยังสามารถแก้ไขได้ผ่านการเจรจา
อย่างไรก็ดี ยังคงไม่มีรายงานว่าผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งก็คือนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนและนายทรัมป์ ได้มีการพูดคุยกันโดยตรงนับตั้งแต่เกิดประเด็นความขัดแย้งทางการค้าขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงยังไม่มีกำหนดการที่ผู้นำทั้ง 2 จะพูดคุยกันในเร็วๆนี้แต่อย่างใด
• เมื่อวานนี้สื่อจีน รายงานว่า รัฐบาลจีนมีการใช้เงินลงทุนมูลค่า 9.05 หมื่นล้านหยวน (1.428 หมื่นล้านเหรียญ) ในค่าใช้จ่ายของโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความยากจนของชาติ
ทั้งนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ถูกคาดว่าจะเป็นหนึ่งในแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งชาติของจีนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยน่าจะมีค่าใช้จ่ายโดยรวมเป็นมูลค่าสูงกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสำหรับโครงการต่างๆในปีนี้
• การสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีนปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนมีนาคม ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่หนุนให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น
• รัฐบาลจีนประกาศระงับการส่งออกสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีสู่เกาหลีเหนือทั้งหมด 32 รายการ เนื่องจากรายการสินค้าดังกล่าวอาจถูกใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับพัฒนาต่อยอดสู่อาวุธสำหรับการสังหารหมู่ได้
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลเกาหลีเหนือออกมาเปิดเผยว่า พวกเขากำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมร่วมกับระหว่างนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้นในเดือน พ.ค.
• รายงานจากรอยเตอร์สเปิดเผยว่า การเจรจาในสนธิสัญญา NAFTA ระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก สำหรับเดือนนี้ยังคงไม่มีความคืบหน้าในหัวข้อสำคัญมากเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาสามารถดำเนินการไปได้ด้วยดี แหล่งข่าวเชื่อว่าการเจรจาจะสามารถบรรลุผลได้ภายในช่วงปลายเดือน เม.ย. หรือต้นเดือน พ.ค. นี้ได้
• ทางการสหรัฐฯ เผยว่า ผู้นำเกาหลีเหนือและผู้นำสหรัฐฯอยู่ระหว่างเตรียมการประชุมเพื่อพบกันเป็นครั้งแรกระหว่างสองประเทศจะมีการพูดคุยถึงการยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในแถบคาบสมุทรเกาหลี
• ราคาน้ำมันดิบปิดลดลงประมาณ 2% โดยได้รับผลกระทบจากแผนภาษีครั้งใหม่ของนายทรัมป์ที่จะทำการเรียกเก็บจากจีนเพิ่มได้ส่งผลให้ตลาดกังวลต่อภาวะ Trade War ที่อาจบั่นทอนต่อภาวะเศรษฐกิจโลก โดยน้ำมันดิบ Brentปิดลดลง 1.22 เหรียญ ที่ระดับ 67.11 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.48 เหรียญที่ระดับ 62.06 เหรียญ/บาร์เรล โดยภาพรวมปิดลดลง 2.3% ในคืนวันศุกร์
สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ของน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลงไป 2.8% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI สัปดาห์ที่แล้วลดลงไป 4.4% ซึ่งเป็นระดับการทรุดตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.