• นักวิเคราะห์จาก ANZ กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯที่เห็นได้ชัดในสัปดาห์นี้และสัปดาห์ที่แล้ว ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนักในตอนนี้ จนกว่าพวกเราจะเห็นผลกระทบที่แท้จริงจากการดำเนินการดังกล่าว
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความคาดหวังเชิงบวกว่า จีนจะลดกำแพงการค้าลงมา แม้ว่าปัจจุบันจะยังมีความตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่างทั้ง 2 ประเทศอยู่ หลังจากที่วันพฤหัสบดที่แล้ว นายทรัมป์ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของจีนที่ 1 แสนล้านเหรียญ ขณะที่จีนประกาศจะทำการตอบโต้มต่อมาตรการดังกล่าว
• นักวิเคราะห์ทีม GFMS จาก Thomson Reuters กล่าวว่า ตลาดทองคำมีการตอบรับกับข่าวสงครามการค้า แต่ก็ยากจะเชื่อว่าทิศทางต่อไปจะเป็นเช่นไร เพราะทั้งสองฝ่ายอาจให้ข่าวอะไรบางอย่างได้ในทุกวัน ดังนั้น ในระยะสั้นๆนี้ นักลงทุนในตลาดทองก็ควรระวังการอ่อนตัวลงมาบ้าง
• อย่างไรก็ดี ข่าวความผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ลดแรงหนุนในตลาดทองคำลง หลังเกาหลีเหนือและสหรัฐฯกำลังเตรียมการจะเจรจากันเพื่อยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์บริเวณคาบสมุทรเกาหลี
• รายงานจาก CFTC ระบุว่า บรรดาเฮดจ์ฟันด์และกลุ่มผู้จัดการกองทุนมีการลดสถานะการถือครอง Long Position ของทองคำในตลาด COMEX ลง แต่มีการเพิ่มการถือครองสถานะ Short สูงสุดเป็นประวัติการณ์
• ราคาซิลเวอร์ปรับตัวขึ้นได้ 0.2% ที่ระดับ 16.38 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัมปรับขึ้น 0.5% ที่ระดับ 916.74 เหรียญ และราคาพลาเดียมปรับขึ้น 0.6% ที่ระดับ 905.5 เหรียญ หลังลงไปทำระดับต่ำสุดช่วงกลางเดือนส.ค.ที่ระดับ 895.47 เหรียญในคืนวันศุกร์
• รายงานจาก Kitco ระบุว่า นักวิเคราะห์บางส่วน ไม่คิดว่าจะเห็นราคาทองคำเกิดการ Breakout ในเร็วๆนี้ เพราะถึงแม้ว่าราคาทองคำน่าจะขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดในกรอบได้แถวระดับ 1,350 เหรียญ ท่ามกลางตลาดที่มีแรงหนุนจากข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯที่ออกมาน่าผิดหวัง ประกอบกับความตึงเครียดภาวะ Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน
หัวหน้านักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า มีโอกาสเห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้น ไปประมาณ 10 เหรียญ แต่กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจกลับมาสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์และเข้ากดดันต่อราคาทองคำได้
หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Saxo Bank กล่าวว่า ราคาซิลเวอร์อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำมทองคำจึงสามารถมีโอกาส Break กลับขึ้นมาทดสอบแนวต้านระยะสั้นๆที่ 1,355 เหรียญได้ และขณะที่ดูเหมือนว่าทองคำจะยังเคลื่อนไหวในกรอบไปก่อนในระยะสั้น โดยแนวโน้มความไม่แน่นอนทางการเมืองและความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นก็มีแนวโน้มจะทำให้ทองคำยังยืนเหนือระดับแนวรับได้ แต่ในหลายๆปีที่ผ่านมาของช่วงเวลานี้ นับตั้งแต่ปี 2016 เรามักจะเห็นกลุ่มผู้ซื้อพอใจที่จะทำการรอโอกาสที่ทอง Break เหนือ 1,375 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี 2016
• นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า 2 ปัจจัยที่จะหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้นได้คือ 1) การอ่อนค่าของตลาดหุ้นสหรํฐฯ หรือ 2) การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ แม้ว่า ณ ขณะนี้จะยังไม่มีสัญญาณชี้วัดความเชื่อมั่นนักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปจากตลาดขณะนี้ โดยที่ดัชนี Dow Jones และ S&P500 ของภาพรยะยะยาวดูจะเป็นขาขึ้น และดีดกลับจากระดับแนวรับสำคัญทางเทคนิคบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วันขึ้นมา แม้ว่าภาพรวมตลาดขณะนี้ดูจะยังมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่หากว่าทั้งดัชนี Dow Jones และ S&P500 หลุดต่ำกว่าระดับเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วันอย่างชัดเจนก็จะส่งผลให้ทองคำ Break ออกจากกรอบขณะนี้ได้
• นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งกำลังจับตาไปยังแนวต้านระยะสั้นของทองคำระหว่าง 1,355 - 1,360 เหรียญ ซึ่งหาก Break ได้ ทองคำมีโอกาสขึ้นทดสอบจุดสูงสุดของปี 2016 บริเวณ 1,375 เหรียญ และหากขึ้นได้อีกก็มีโอกาสไปถึง 1,400 เหรียญ ในทางกลับกัน แม้ทองคำจะเป็น Uptrend ตราบเท่าที่ยังยืนเหนือแนวรับ 1,300 เหรียญ แต่ในระยะสั้นก็ต้องจับตาบริเวณแนวรับแรก 1,325 เหรียญให้ดี