• ดัชนีดาวโจนส์ปิด +0.19% ที่ระดับ 23,979.1 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.33% ที่ระดับ 2,613.16 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.51% ที่ระดับ 6,950.34 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น ท่ามกลางท่าทีตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศที่ดูลดน้อยลง จึงทำให้ราคาหุ้นรีบาวน์กลับจากที่เผชิญแรงเทขายอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ตลาดหุ้นก็ยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด หลังมีรายงานว่า หน่วยงาน FBI บุกเข้าไปในสำนักงานทนายความคนสนิทของนายทรัมป์
• ดัชนี RTS ของตลาดหุ้นรัสเซียปรับร่วงลงอย่างหนักกว่า 11.4% ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. ปี 2014 ขณะที่ราคาอลูมิเนียมปรับสูงขึ้นอย่างมาก หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหญ่
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯได้ประกาศคว่ำบาตรกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่รวมถึงบางหน่วยงานรัฐบาลของรัสเซีย รวมถึงอาญัติทรัพย์สินบางส่วนที่รัฐบาลสหรัฐฯมีอำนาจครอบครอง โดยการคว่ำบาตรครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อระงับไม่ให้ชาวสหรัฐฯสามารถดำนเนิธุรกิจร่วมกับองค์กรรัสเซียที่ถูกสั่งคว่ำบาตร นอกจากนี้รับบาลสหรัฐฯยังได้ระบุว่า หากบุคคลหรือองค์กรใดๆที่ไม่ใช่สัญชาติสหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือหรือติดต่อกับหน่วยงานรัสเซีย จะได้รับโทษเป็นการคว่ำบาตรเช่นกัน
• ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดปรับตัวลดลง แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปิดแดนบวกเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.59% หลังดัชนี Topix เปิด -0.44% จากหุ้นกลุ่มการเงิน การค้าปลีก และบริษัทสารกึ่งตัวนำที่ปรับตัวลง รวมไปถึงหุ้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่เคลื่อนไหวแดนลบ ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.68% จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่รวงลง
• นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินค่าบาทมีโอกาสอ่อนค่าได้ โดยเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 31.10-31.35 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งในภาพรวมเงินบาทระหว่างวันยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ แต่ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในช่วงก่อนวันหยุดยาว ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยสำคัญมากนักที่จะมีผลต่อทิศทางของค่าเงินบาทในระยะนี้