• ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรที่ระดับ 1.2365 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.1% ที่ระดับ 89.526 จุด หลังจากค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์อ่อนค่า ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯส่วนใหญ่ที่ออกมาได้ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัว อันได้แก่ข้อมูล ยอดการเริ่มสร้างบ้านเดือนมี.ค. ที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด ประกอบกับข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ดีขึ้นเกินคาดเช่นกัน
อย่างไรก็ดี นักลงทุนในตลาดก็ยังคงเฝ้าระวังการลงทุนในค่าเงินดอลลาร์ จากปัญหาความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
ในช่วงต้นตลาดค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าจากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนและรัสเซียกำลังพยายามปรับลดค่าเงินของประเทศตนเองลง จึงส่งผลให้นักลงทุน เกิดการตีความว่านายทรัมป์ต้องการให้ดอลลาร์อ่อนค่า ขณะที่เมื่อวานนี้ นายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ถ้อยแถลงของนายทรัมป์เป็นเพียงการให้สัญญาณเตือนถึงการที่หลายๆประเทศกำลังมีความพยายามปรับลดค่าเงินของตนเองลง
ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมา 0.1% ที่ระดับ 107.01 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 7 สัปดาห์บริเวณ 107.78 เยน/ดอลลาร์ในคืนวันศุกร์ ก่อนที่จะเกิดการเข้าพบกันระหว่างนายทรัมป์ และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในวันนี้และวันพรุ่งนี้
• รายงานจาก CNBC ระบุว่า การประชุมระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เพื่อยุติสงครามเกาหลีอาจเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ 2 ประเทศได้เผชิญกับภาวะสงครามต่อกันมาตั้งแต่ 25 มิ.ย. ปี 1950 และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาก็ยังไม่สามารถหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเป็นทางการได้
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 27 เม.ย. นี้ ทางเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะเผชิญหน้ากันในที่ประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 โดยเป็นการจัดประชุมในเกาหลีใต้ และการพบกันดังกล่าวอาจนำไปสสู่ความเป็นไปได้ในการพบกันของนายคิม จอง อึน กับนายทรัมป์ เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน แต่ขณะนี้ยังคงมีรายละเอียดของการดำเนินการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
• รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ส ชี้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีความต้องการเป็นอย่างสูงที่จะพูดคุยกับ นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของทางเกาหลีเหนือ และนายทรัมป์ เชื่อว่า การเจรจาในเชิงการทูตจะเป็นไปในเชิงบวก และคาดว่าการประชุมนัดแรกระหว่าง 2 ประเทศจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนพ.ค. หรือต้นเดือนมิ.ย. หรือบางทีก็อาจไมเกิดขึ้นเลย
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ที่ระดับ 2.402% ก่อนจะอ่อนตัวลงมาเล็กน้อยบริเวณ 2.394% หลังจากที่ นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นว่าที่ประธานเฟดสาขานิวยอร์กคนใหม่ได้แสดงความคาดหวังว่า เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นตามเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในปีนี้ และอาจทรงตัวหรืออยู่เหนือระดับเป้าหมายได้อีกในช่วง 2-3 ปี และจะรักษาให้เศรษฐกิจสหรัฐฯพ้นจากภาวะ Overheating และนั่นจะหนุนให้เฟดยังดำเนินการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อได้
• นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวสนับสนุนให้เฟดอดทนรอในการขึ้นดอกเบี้ยเนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ จึงเป็นโอกาสที่เฟดควรจะอดทนประเมินข้อมูลและค่อยดำเนินการ รวมทั้งรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศออกมา
นอกจากนี้ เขายังระบุว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะต้องเกิดขึ้นโดยปราศจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
• นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอนแลนต้า กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในทิศทางเชิงบวก ขณะที่เงินเฟ้อกำลังเริ่มปรับตัวขึ้น
• นายแรนดัล ควอเลส รองประธานเฟดด้านการกำกับดูแลภาคธนาคาร กล่าวถึงแผนการปรับลดกฎระเบียบการกู้ยืมเงินและการปรับปรุงโครงสร้างการซื้อขายของนโยบายที่ใช้ในช่วงเกิดวิกฤตทางการเงินเมื่อปี 2007-2009 หรือกฎ Volcker Rule ที่ห้ามมิให้ภาคธนาคารทำการซื้อขายเพื่อแสวงหาผลกำไรต่อยอดงบดุลของพวกเขา เพื่อหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ ท่ามกลางสมาชิกพรรคเดโมแครตที่ดูจะเป็นกังวลว่าอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงครั้งใหม่และส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มผู้บริโภคได้
• นางลาเอล เบรนาร์ด สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด กล่าวสนับสนุนให้มีการอัพเดตกฎระเบียบภาคธนาคารเพื่อช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือทางด้านเงินทุน และกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
• บรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแห่งสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้เริ่มดำเนินการผลักดันนโยบายปฏิรูปภาษีสำหรับนิติบุคคลให้มีผลแบบถาวร โดยตั้งเป้าหมายให้สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนได้ทันที่จะถึงการเลือกตั้งกลางวาระในเดือน พ.ย. แต่ยังคงไม่มีความชัดเจนว่าบรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตจะให้การสนับสนุนเพียงพอหรือไม่
ขณะที่รายงานจากคณะกรรมการกำกับภาษีประจำรัฐสภาสหรัฐฯ ได้ประเมินไว้ว่า หากนโยบายปฏิรูปภาษีสำหรับนิติบุคคลมีผลแบบถาวร จะส่งผลให้ยอดขาดดุลของรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.5ล้านล้านเหรียญ ในอีก 10 ปีข้างหน้า
• คณะกรรมาธิการยุโรป จะทำการผลักดันข้อตกลงการค้าเสรีกับทางญี่ปุ่นให้เกิดการอนุมัติเร่งด่วนในวันนี้ โดยคาดหวังว่าจะช่วยหลีกเลี่ยงผลกระทบจากข้อตกลงการค้ากับแคนาดาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
• เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก กำลังเร่งผลักดันการเจรจาข้อตกลง NAFTA ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อให้เกิดความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น
• ตัวแทนจากรัสเซียได้รายงานต่อคณะกรรมการประจำองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ว่าไม่มีความจำเป็นที่ทาง UN จะต้องดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับกรณีการใช้อาวุธเคมีในซีเรียแต่อย่างใด เนื่องจากสหรัฐฯและประเทศพันธมิตรได้ทำตัวเป็นศาลเตี้ยกับกรณีดังกล่าวไปแล้ว
ขณะที่เอกอัคราชทูตซีเรียประจำ UN รายงานว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยของ UN จะเดินทางไปยังเมืองดูมา (Douma) ภายในวันนี้ เพื่อตรวจสอบความเสียหายที่เกิดจากอาวุธเคมี ซึ่งเป็นชนวนให้สหรัฐฯตัดสินใจโจมตีคลังอาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
• กระทรวงคมนาคมแห่งรัสเซียอนุมัติต่อสัญญาเปิดเส้นทางบินให้กับสายการบินจากสหรัฐฯต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 6 เดือน ในส่วนของเส้นทางบินจากเอเชียสู่ยุโรปจะเปิดเส้นทางตามปกติจนถึงวันที่ 20 เม.ย. หลังจากนั้นจะกำหนดให้ใช้เส้นทางบินใหม่ ซึ่งทางกระทรวงกำลังดำเนินการหารือเกี่ยวกับเส้นทางดังกล่าว
• กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เผย ตัวเลขภาคส่งออกญี่ปุ่นประจำเดือนมี.ค.ปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 2.1% จากปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากการฟื้นตัวของการจัดส่งไปยังประเทศจีน ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าในปีนี้จนถึงเดือนมีนาคมปรับลดลงที่ระดับ 0.6% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ค่ามัธยฐานที่เพิ่มขึ้นที่ระดับ 5.4%
โดยดุลการค้าเกินดุล 797.3 พันล้านเยน (7.45 พันล้านเหรียญ) เมื่อเทียบกับประมาณการมัธยฐานที่เกินดุล 498.3 พันล้านเยน
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความเป็นไปได้ในการปรับลดอุปทานและความแข็งแกร่งในตลาดหุ้น ที่ช่วยชดเชยผลกระทบจากการขายทำกำไรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ราคาปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ป
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ ปิดระดับที่ 66.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ระดับ 71.58 ดอลลาร์/บาร์เรล