• ทองคำอ่อนตัวลงในช่วงต้นตลาด โดยลงมาแถว 1,344.2 เหรียญ ขณะที่ Gold Futures อ่อนตัวลง 0.2% เช่นกัน ที่ระดับ 1,347.5 เหรียญโดยประมาณ ท่ามกลางการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ดีดขึ้นมาบริเวณ 89.63 จุดในวันนี้ เมื่อเทียบกับระดับต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์บริเวณ 89.229 จุด โดยดอลลาร์ได้รับอานิสงส์จากข้อมูลที่อยู่อาศัยสหรัฐฯเดือนมี.ค.และภาคการผลิตออกมาแข็งแกร่ง
• นักวิเคราะห์จากคิทโก วิเคราะห์ว่า ภาพระยะสั้นทางเทคนิคของทองคำยังเป็นขาขึ้น โดยหากทองคำจะกลับเป็นขาขึ้นโดยสมบูรณ์ต้องยืนเหนือ 1,375 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับแนวต้านสำคัญ แต่หากทองคำหลุดแนวรับ 1,335 เหรียญ ก็จะส่งผลให้ภาพกลับเป็นขาลงและมีโอกาสทดสอบแนวรับทางเทคนิคบริเวณ 1,322 เหรียญ และวันนี้จะมีแนวต้านที่ระดับ 1,353.5 เหรียญ และ 1,362.6 เหรียญตามลำดับ
• นักวิเคราะห์ทองคำจาก FastMarkets กล่าวว่า ราคาทองคำมีโอกาสฟื้นตัวต่อในไตรมาสที่ 2 นี้ จากปริมาณความต้องการทองคำที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่ทองคำเผชิญแรงเทขายนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. (ประมาณ 71 ตัน หรือคิดเป็น -17% จากสถานะการถือครอง Long สุทธิในตลาด) แต่ทองคำก็ยังมีแรงหนุนจากกำลังการเข้าซื้อ อันได้แก่ ปริมาณความต้องการทองคำในตลาด และในระยะสั้นทิศทางทองคำยังมีแนวโน้มที่สดใส
• นักวิเคราะห์ ระบุว่า การเข้าซื้อทองคำของกองทุน ETF ยังคงแข็งแกร่งนับตั้งแต่ ก.ย. ปี 2017 โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดกลับมาเป็นขาขึ้นอีคกรั้ง และคาดว่าจะยังมีท่าทีแข็งแก่รงเช่นนี้ต่อไป ขณะที่คาดว่าการถือสถานะ Long ใน IAU (iShares Gold Trust) ในไตรมาสที่ 2 นี้จะเพิ่มขึ้นอย่างสดใส
ขณะที่การอ่อนค่าของค่าเินดอลลาร์ และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนทองคำ ขณะที่เฟดมีแนวโน้มจะไม่คุมเข้มทางการเงินมากนักในอีกไม่กี่เดือนนี้ เนื่องจากต้องอดทนรอให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2%
• เงินเฟ้อถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งแรงกดดันของดัชนีราคาที่เพิ่มขึ้นก็จะหนุนน้ำมันให้ปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งด้วย เช่นเดียวกับความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ขณะที่ปัจจัยต่อมาที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนทองคำได้แก่ ยอดขาดดุลสหรัฐฯที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากนโยบายการเงินปีนี้ และนั่นจะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าแล้วหนุนทองคำนั่นเอง