ขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองที่ผ่อนคลายลงกดดันให้ค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.2% บริเวณ 107.80 เยน/ดอลลาร์ โดยทำระดับสูงสุดที่ 107.89 เยน/ดอลลาร์
ด้านค่าเงินยูโรออ่อนค่าลง 0.1% บริเวณ 1.2274 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1.2250 ดอลลาร์/ยูโร เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
· รัฐบาลสหรัฐฯกำลังเตรียมการสำหรับการจัดประชุมร่วมกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ แต่รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ ระยะเวลา รวมถึงกลยุทธ์ในการเจรจา ยังคงไม่เป็นที่แน่ชัดหรือยังคงอยู่ในระหว่างดำเนินการ
การประชุมร่วมกันระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายหลังจากประชุมระหว่างนายคิม และนายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ในวันศุกร์ที่ 27 เม.ย. นี้ โดยการประชุมระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนืออาจเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน พ.ค. หรือต้นเดือน มิ.ย. อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ก็ยังกล่าวเตือนว่า เขาอาจยกเลิกการประชุมได้หากมองว่าไม่น่าจะเจรจาได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
· ท่ามกลางภาวะที่อัตรากู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวของสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี จึงก่อให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กำลังใกล้เข้ามา
ทั้งนี้ ทางนายจอห์น วิลเลี่ยม ว่าที่ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และนายชาลส์ อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ได้กล่าวเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง จึงเป็นเหตุผลที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ คือการที่รัฐบาลมีภาวะขาดดุลรวมถึงหนี้สินมากขึ้น จากนโยบายปฏิรูปภาษีที่ผ่านการลงมติเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมา รวมถึงร่างงบประมาณฉบับล่าสุดของรัฐบาลที่ส่งผลให้รัฐบาลมีรายจ่ายออกไปมากขึ้น
· รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวเตือน เกี่ยวกับการประชุมระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน พ.ค. โดนเตือนว่า ไม่ควรเจรจากับสหรัฐฯ เนื่องจากพวกเขาไม่ยอมทำการข้อตกลงในฝั่งของตัวเอง ซ้ำยังมีการเรียกร้องประเทศคู่สัญญาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ นายเอมมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี มีกำหนดจะเดินทางไปพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯภายในสัปดาห์นี้ เกี่ยวกับการเจรจากับเกาหลีเหนือ
· การขยายตัวของภาคการผลิตในญี่ปุ่น เติบโตได้เร็วขึ้นในเดือน เม.ย. โดยดัชนีคำสั่งซื้อ Markit ปรับสูงขึ้นที่ระดับ 53.3 จุด เทียบกับระดับ 53.1 จุด ของเดือนก่อนหน้า ท่ามกลางปริมาณอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม คำสั่งซื้อของภาคส่งออกจากญี่ปุ่นปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินเย็น
· รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลจีนจะยึดมั่นต่อต้านนโยบายเชิงกีดกันทางการค้าไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใดก็ตาม และให้สัญญาจะเร่งดำเนินงานการผ่อนคลายกฏเกณฑ์ของภาคธนาคาร หลักทรัพย์ และการประกัน เพื่อเปิดรับนักลงทุนจากต่างงประเทศมากขึ้น รวมถึงผ่อนคลายสิทธิ์สำหรับชาวต่างชาติในการถือสินทรัพย์ประเภทรถยนตร์ เรือ และอากาศยาน
ถ้อยแถลงดังกล่าวของรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ เป็นการกล่าวสนับสนุนแนวทางการดำเนินนโยบายของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่จะเปิดกว้างการ ค้าสำหรับประเทศจีน และเพิ่มมาตรการคุมเข้มสำหรับการปกป้องสินทรัพย์ทางปัญญาจากต่างประเทศให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางปริมาณการขุดเจาะสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของผลผลิต ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาดน้ำมันดิบในภาวะขาขึ้น