• พันธบัตรสหรัฐฯขึ้นเหนือ 3% กำหนดทิศทางใหม่ให้ตลาดหุ้น?

    25 เมษายน 2561 | SET News


อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นแตะระดับ 3% เป็นครั้งแรกใน 4 ปี ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยา เมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังขยายตัว และเฟดก็ไม่มีท่าทีจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด

การปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับสำคัญทางจิตวิทยาของพันธบัตรที่ 3% ส่งผลให้บรรดานักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น และหันเข้าหาพันธบัตรที่เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า

ทั้งนี้ เป็นเพราะว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ถึงแม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯสามารถรักษาทิศทางขาขึ้นมาได้ต่อเนื่องถึง 9 ปีก็ตาม และพันธบัตรยังถือว่าเป็นทางเลือกในการสร้างผลกำไรที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น และเป็นที่นิยมอย่างมากกันในกลุ่มนักลงทุน จนกระทั่งเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ทำให้เฟดต้องปรับอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ในระดับต่ำ

รองประธานสถาบัน D.A. Davidson ประเมินว่า การปรับตัวสูงขึ้นของพันธบัตร ทำให้ความน่าดึงดูดของหุ้นบางตัวถูกบั่นทอนลงไป โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดหุ้นที่ดูเหมือนจะเริ่มไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ และคาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มเข้ามาในพันธบัตรอายุ 10 ปี หรือพันธบัตรที่มีอายุมากกว่านั้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี สามารถรับตัวขึ้นได้อย่างมั่นคง นับตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2017 จนสามารถขึ้นมาแตะระดับ 3% จึงเป็นปัจจัยที่ดึงนักลงทุนกลับเข้ามาในตลาดพันธบัตรและทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง โดยดัชนี S&P 500ปรับลงมา 1.4%

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีนักลงทุนบางส่วนที่ไม่ได้หันเข้าหาพันธบัตร เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูการรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทรายใหญ่ และคาดว่าอาจจะเป็นฤดูที่มีผลประกอบการแข็งแกร่งมากที่สุดฤดูหนึ่ง

ประธานสถาบัน Via Nova Investment Management กล่าวว่า ระดับ 3% ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังไม่ถือว่าเป็นระดับที่น่าซื้อนัก และนักลงทุนไม่ควรเทขายหุ้นท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความแข็งแกร่ง และผลประกอบการสามารถปรับขึ้นมาได้ถึง 20% จากปีที่ผ่านมา


ที่มา : Reuters

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com