• นักวิเคราะห์ ชี้ เฟด และจ้างงานสหรัฐฯ ปัจจัยต่อทองคำสัปดาห์นี้!

    30 เมษายน 2561 | Gold News


นักลงทุนทองคำอาจต้องรอรายละเอียดจากปัจจัยสำคัญ 2 ตัวในสัปดาห์นี้ที่จะมาส่งผลต่อราคาทองคำ เพราะไม่เพียงแต่ตลาดทองคำจะรอคอยการประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นสัปดาห์นี้ ตลาดยังรอข้อมูลการจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯประจำเดือนเม.ย. ที่จะประกาศในคืนวันศุกร์ด้วยเช่นกัน เพราะจะมาทำให้ตลาดทองคำเกิดความผันผวนได้

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ปัจจัย 2 ตัวนี้ อาจทำให้ราคาทองคำขยับออกนอกกรอบการเคลื่อนไหวของราคาในปัจจุบันได้ ท่ามกลางราคาที่ยังคงเคลื่อนไหวระดับล่างของกรอบราคา ดังนั้น นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อทองคำในระยะสั้นๆได้

ประธานการลงทุนจาก Blue Line Futures ชี้ว่า ปัจจัยทั้งหมดนี้ค่อนข้างจะส่งผลต่อราคาทองคำ ซึ่งหากยิ่งกดดันให้ราคาทองคำลงมาแถวระดับล่าง ก็มีโอกาสเห็นการเข้าซื้อเพิ่มขึ้นและนั่นจะดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

นักวิเคราะห์ค่าเงินหลายๆราย มองว่า ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าได้อีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถกลับทิศมาได้อย่างมีเสถียรภาพ เนื่องจากในระยะสั้นอาจเกิดแรงทำ  Short Covering เข้ามาในตลาด และการปิดสถานะ Short ที่เพิ่มมากขึ้นอาจสร้างความผันผวนให้กับค่าเงินดอลลาร์ได้

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาด ยังคงมองทิศทางทองคำเป็นบวกในระยะยาว แม้ว่าจะมีความผันผวนจากจังหวะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า

นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์มีการซื้อขายที่ปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบหลายๆเดือน ขณะที่ทองคำกลับทำจุดต่ำสุดในรอบเพียง 1 เดือนเท่านั้น ดังนั้น การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ถึงแม้จะกดดันราคาทองคำ แต่หากจะกดดันให้ทองคำ Break กลับมาเป็นขาลงต้องเห็นค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้นกว่านี้ ซึ่งภาพรวมตลาดตอนนี้ดูจะยังไม่แข็งแรงพอสำหรับภาวะดังกล่าว

หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Comerzbank มองว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวลงมาแถว 1,300 เหรียญได้ในระยะสั้น ท่ามกลางการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ แต่ก็เชื่อว่าทองคำจะสามารถทรงตัวได้เหนือระดับแนวรับ และค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสจะอ่อนค่าลง ซึ่งในระยะสั้นๆทองคำจะถูกกดจากค่าเงินดอลลาร์ แต่ระยะยาวน่าจะยังเป็นโอกาสอันดีของทองคำ

  เฟดจะหนุนทองคำหรือดอลลาร์?

หนึ่งปัจจัยแรกของทองคำในสัปดาห์นี้คือ “ประชุมเฟด” ว่าจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอย่างไร? ซึ่งนักลงทุนคาดว่าผลการประชุมน่าจะออกมาน่าผิดหวังต่อตลาด โดยการประชุมวาระนี้จะเปิดเผยเพียงถ้อยแถลงแนวทางการตัดสินใจดำเนินนโยบายเท่านั้น ซึ่งไม่มีรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจ หรือแม้แต่ถ้อยแถลงของประธานเฟดหลังจบการประชุม และตลาดเชื่อว่าเฟดจะยังคงดอกเบี้ยไม่ได้ทำการเปลี่ยนแลงใดๆ

อย่างไรก็ดี นักลงทุนก็ยังคงต้องมีความระมัดระวังต่อรายละเอียดการประชุม เนื่องจากตลาดกลับมาให้น้ำหนักว่า เฟดน่าจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกจำนวน 3 ครั้งภายในปีนี้ แม้ว่าเฟดจะมองว่ามีโอกาสอีก 2 ครั้งในปีนี้

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ท่าทีคุมเข้มทางการเงินจากเฟดที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าและนั่นจะเป็นปัจจัยที่ฉุดให้ราคาทองคำกลับตกลงมาแถวระดับแนวรับ

แม้ว่าเฟดมีความเสี่ยงในการคุมเข้มทางการเงินมากขึ้น แต่นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities มองว่า ความผันผวนของเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีอยู่ โดยจะเห็นได้ชัดจากประมาณการณ์จีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้ที่ขยายตัวได้ 2.3เพราะถึงแม้ข้อมูลล่าสุดจะออกมาดีขึ้นกว่าที่คาด แต่ก็ไม่สามารถบ่งชี้ถึงเสถียรภาพระยะยาวได้ เนื่องจากภาวการณ์อุปโภคบริโภคของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ตามคาดที่ระดับ 1.1ในไตรมาสแรกของปีนี้ ดังนั้น ทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเข้ามาเกื้อหนุนราคาได้ เพราะข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีให้ปรับตัวลดลง หรือเป็น Flatten Yield Curve จึงอาจส่งผลลบต่อดอลลาร์แต่ดีต่อทองคำนั่นเอง

นอกจากนี้ เขาไม่คิดว่าเฟดจะส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวาระนี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนให้เฟดเร่ง่ขึ้นดอกเบี้ยได้

  การจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯ

หลังจบประชุมเฟด นักลงทุนในตลาดทองคำน่าจะกลับมาเฝ้ารอต่อข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯในคืนวันศุกร์แทน แต่ข้อมูลการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นก็อาจไม่เป็นประเด็นหลักที่จะบอกเราได้ ดังนั้น เราจึงต้องรอข้อมูลอัตราค่าแรงด้วย เพราะหากค่าแรงปรับตัวขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้

หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจาก State Street Global Advisors กล่าวว่า หากข้อมูลออกมาดีขึ้นกว่าที่คาด อาจยิ่งหนุนให้เฟดทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้มากขึ้นกว่า 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะมีส่วนหนึ่งมาจากเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มขึ้นด้วย แต่การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อนั้นก็จะส่งผลบวกต่อทองคำด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

CEO จาก DoubleLine มองว่า ทองคำยังเป็นขาขึ้น และอาจขึ้นได้กว่า 1,000 เหรียญ หากตลาดสามารถ Break แนวต้านสำคัญได้ เนื่องจากทิศทางการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อเป็นตัวทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ยืนเหนือ 3%ซึ่งนั่นอาจเป็นผลบวกต่อทองคำ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยแท้จริงยังคงอยู่ในระดับต่ำ

  ระดับสำคัญที่ต้องจับตามอง

หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Saxo Bank กล่าวว่า ทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบตั้งแต่เดือนม.ค. แม้ว่าตลาดจะมีความผันผวน แต่ทองคำปีนี้ก็เปิดตัวมาด้วยราคาเฉลี่ยบริเวณ 1,332 เหรียญ ซึ่งทองคำจะมีระดับแนวรับสำคัญซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาบริเวณ 1,309 เหรียญ และจุดสูงสุดของทองคำจะอยู่ที่ 1,375 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมในเดือนม.ค.

นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจกับความผันผวนที่เกิดขึ้นในระยะสั้น แต่กลับระมัดระวังต่อทิศทางขาขึ้นของทองคำระยะยาว โดยกองทุนทองคำ SPDR มีการเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 33 ตันในปีนี้ และมีมูลค่าสุทธิรวมกว่า 2 พันล้านเหรียญ

สรุปได้ว่า: การประชุมเฟดระหว่าง 1-2 พ.ค. และการจ้างงานในวันศุกร์นี้จะเป็นปัจจัยหลักในสัปดาห์นี้ ที่อาสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดได้

ที่มา: Kitcoนักลงทุนทองคำอาจต้องรอรายละเอียดจากปัจจัยสำคัญ 2 ตัวในสัปดาห์นี้ที่จะมาส่งผลต่อราคาทองคำ เพราะไม่เพียงแต่ตลาดทองคำจะรอคอยการประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นสัปดาห์นี้ ตลาดยังรอข้อมูลการจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯประจำเดือนเม.ย. ที่จะประกาศในคืนวันศุกร์ด้วยเช่นกัน เพราะจะมาทำให้ตลาดทองคำเกิดความผันผวนได้

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ปัจจัย 2 ตัวนี้ อาจทำให้ราคาทองคำขยับออกนอกกรอบการเคลื่อนไหวของราคาในปัจจุบันได้ ท่ามกลางราคาที่ยังคงเคลื่อนไหวระดับล่างของกรอบราคา ดังนั้น นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อทองคำในระยะสั้นๆได้

ประธานการลงทุนจาก Blue Line Futures ชี้ว่า ปัจจัยทั้งหมดนี้ค่อนข้างจะส่งผลต่อราคาทองคำ ซึ่งหากยิ่งกดดันให้ราคาทองคำลงมาแถวระดับล่าง ก็มีโอกาสเห็นการเข้าซื้อเพิ่มขึ้นและนั่นจะดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

นักวิเคราะห์ค่าเงินหลายๆราย มองว่า ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าได้อีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถกลับทิศมาได้อย่างมีเสถียรภาพ เนื่องจากในระยะสั้นอาจเกิดแรงทำ  Short Covering เข้ามาในตลาด และการปิดสถานะ Short ที่เพิ่มมากขึ้นอาจสร้างความผันผวนให้กับค่าเงินดอลลาร์ได้

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาด ยังคงมองทิศทางทองคำเป็นบวกในระยะยาว แม้ว่าจะมีความผันผวนจากจังหวะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า

นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์มีการซื้อขายที่ปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบหลายๆเดือน ขณะที่ทองคำกลับทำจุดต่ำสุดในรอบเพียง 1 เดือนเท่านั้น ดังนั้น การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ถึงแม้จะกดดันราคาทองคำ แต่หากจะกดดันให้ทองคำ Break กลับมาเป็นขาลงต้องเห็นค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้นกว่านี้ ซึ่งภาพรวมตลาดตอนนี้ดูจะยังไม่แข็งแรงพอสำหรับภาวะดังกล่าว

หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Comerzbank มองว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวลงมาแถว 1,300 เหรียญได้ในระยะสั้น ท่ามกลางการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ แต่ก็เชื่อว่าทองคำจะสามารถทรงตัวได้เหนือระดับแนวรับ และค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสจะอ่อนค่าลง ซึ่งในระยะสั้นๆทองคำจะถูกกดจากค่าเงินดอลลาร์ แต่ระยะยาวน่าจะยังเป็นโอกาสอันดีของทองคำ

  เฟดจะหนุนทองคำหรือดอลลาร์?

หนึ่งปัจจัยแรกของทองคำในสัปดาห์นี้คือ “ประชุมเฟด” ว่าจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอย่างไร? ซึ่งนักลงทุนคาดว่าผลการประชุมน่าจะออกมาน่าผิดหวังต่อตลาด โดยการประชุมวาระนี้จะเปิดเผยเพียงถ้อยแถลงแนวทางการตัดสินใจดำเนินนโยบายเท่านั้น ซึ่งไม่มีรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจ หรือแม้แต่ถ้อยแถลงของประธานเฟดหลังจบการประชุม และตลาดเชื่อว่าเฟดจะยังคงดอกเบี้ยไม่ได้ทำการเปลี่ยนแลงใดๆ

อย่างไรก็ดี นักลงทุนก็ยังคงต้องมีความระมัดระวังต่อรายละเอียดการประชุม เนื่องจากตลาดกลับมาให้น้ำหนักว่า เฟดน่าจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกจำนวน 3 ครั้งภายในปีนี้ แม้ว่าเฟดจะมองว่ามีโอกาสอีก 2 ครั้งในปีนี้

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ท่าทีคุมเข้มทางการเงินจากเฟดที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าและนั่นจะเป็นปัจจัยที่ฉุดให้ราคาทองคำกลับตกลงมาแถวระดับแนวรับ

แม้ว่าเฟดมีความเสี่ยงในการคุมเข้มทางการเงินมากขึ้น แต่นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities มองว่า ความผันผวนของเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีอยู่ โดยจะเห็นได้ชัดจากประมาณการณ์จีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้ที่ขยายตัวได้ 2.3เพราะถึงแม้ข้อมูลล่าสุดจะออกมาดีขึ้นกว่าที่คาด แต่ก็ไม่สามารถบ่งชี้ถึงเสถียรภาพระยะยาวได้ เนื่องจากภาวการณ์อุปโภคบริโภคของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ตามคาดที่ระดับ 1.1ในไตรมาสแรกของปีนี้ ดังนั้น ทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเข้ามาเกื้อหนุนราคาได้ เพราะข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีให้ปรับตัวลดลง หรือเป็น Flatten Yield Curve จึงอาจส่งผลลบต่อดอลลาร์แต่ดีต่อทองคำนั่นเอง

นอกจากนี้ เขาไม่คิดว่าเฟดจะส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวาระนี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนให้เฟดเร่ง่ขึ้นดอกเบี้ยได้

  การจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯ

หลังจบประชุมเฟด นักลงทุนในตลาดทองคำน่าจะกลับมาเฝ้ารอต่อข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯในคืนวันศุกร์แทน แต่ข้อมูลการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นก็อาจไม่เป็นประเด็นหลักที่จะบอกเราได้ ดังนั้น เราจึงต้องรอข้อมูลอัตราค่าแรงด้วย เพราะหากค่าแรงปรับตัวขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้

หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจาก State Street Global Advisors กล่าวว่า หากข้อมูลออกมาดีขึ้นกว่าที่คาด อาจยิ่งหนุนให้เฟดทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้มากขึ้นกว่า 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะมีส่วนหนึ่งมาจากเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มขึ้นด้วย แต่การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อนั้นก็จะส่งผลบวกต่อทองคำด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

CEO จาก DoubleLine มองว่า ทองคำยังเป็นขาขึ้น และอาจขึ้นได้กว่า 1,000 เหรียญ หากตลาดสามารถ Break แนวต้านสำคัญได้ เนื่องจากทิศทางการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อเป็นตัวทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ยืนเหนือ 3%ซึ่งนั่นอาจเป็นผลบวกต่อทองคำ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยแท้จริงยังคงอยู่ในระดับต่ำ

  ระดับสำคัญที่ต้องจับตามอง

หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Saxo Bank กล่าวว่า ทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบตั้งแต่เดือนม.ค. แม้ว่าตลาดจะมีความผันผวน แต่ทองคำปีนี้ก็เปิดตัวมาด้วยราคาเฉลี่ยบริเวณ 1,332 เหรียญ ซึ่งทองคำจะมีระดับแนวรับสำคัญซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาบริเวณ 1,309 เหรียญ และจุดสูงสุดของทองคำจะอยู่ที่ 1,375 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมในเดือนม.ค.

นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจกับความผันผวนที่เกิดขึ้นในระยะสั้น แต่กลับระมัดระวังต่อทิศทางขาขึ้นของทองคำระยะยาว โดยกองทุนทองคำ SPDR มีการเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 33 ตันในปีนี้ และมีมูลค่าสุทธิรวมกว่า 2 พันล้านเหรียญ

สรุปได้ว่า: การประชุมเฟดระหว่าง 1-2 พ.ค. และการจ้างงานในวันศุกร์นี้จะเป็นปัจจัยหลักในสัปดาห์นี้ ที่อาสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดได้

ที่มา: Kitco


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com