• ราคาทองคำปรับตัวลดลงประมาณ 0.3% ที่ระดับ 1,318.23 เหรียญ ขณะที่ Gold Futures ปรับลง 0.3% ที่ระดับ 1,319.2 เหรียญ ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่ทรงตัว ขณะที่สัญญาณความตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลีที่บรรเทาลงไป จึงลดปริมาณการเข้าถือครงสินทรัพย์ปลอดภัย
• ดัชนีดอลลาร์ หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดรอบ 3 เดือนครึ่งบริเวณ 91.986 จุด เมื่อคืนวันศุกร์ สำหรับวันนี้ก็ทรงตัวแถว 91.543 จุด ขณะที่ภาพรวมเดือนเม.ย.แล้วดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกว่า 1.7% ซึ่งถือเป็นระดับรายเดือนที่แข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่พ.ย. ปี 2016
• ตลาดการเงินส่วนใหญ่ค่อนข้างเงียบเหงา โดยวันนี้ตลาดการเงินญี่ปุ่น จีน และอินเดียปิดทำการ ขณะที่วันพรุ่งนี้ตลาดเอเชียส่วนใหญ่ก็ปิดทำการเช่นกัน
• ภาวะความเสี่ยงทางการเมืองที่ดูเหมือนทุกฝ่ายต้องการหันหน้าเพื่อเจรจากันเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ากดดันทองคำ
• ขณะที่ล่าสุด เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รวมถึง นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจระดับสูงของนายรัมป์ ต่างคาดว่าจะเข้าสู่การเจรจากับจีนในช่วงปลายสัปดาห์นี้เช่นกัน
• นักวิเคราะห์จาก OANDA มองว่า นักลงทุนลดการถือครองสถานะของทองคำอย่างในต่อเนื่อง จากการปรับพอร์ตการลงทุนในตลาดหลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้
• รายงานจาก CFTC ชี้ว่า เฮดจ์ฟันด์ และกลุ่มผู้จัดการกองทุนมีการปรับลดการถือครองสถานะ Long Position ในตลาดทองคำและซิลเวอร์ลงในสัปดาห์ที่แล้ว
• นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters กล่าวว่า ทองคำดูจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,317 - 1,326 เหรียญ ซึ่งหาก Break ทางใดทางหนึ่งอาจบ่งชี้ถึงภาวะของทองคำระยะสั้นได้
• ราคาซิลเวอร์ปรับลง 0.6% ที่ระดับ 16.4 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัมปรับลง 0.5% ที่ระดับ 906 เหรียญ และราคาพลาเดียมปรับลง 0.5% ที่ระดับ 969.22 เหรียญ
• ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Famed กล่าวว่า ราคาทองคำยังเป็นทิศทางขาขึ้น ซึ่งหากทองคำ Break ได้เหนือแนวต้าน 1,360 เหรียญ ทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ 1,000 เหรียญ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มจะเป็นขาลง ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่า ราคาทองคำยังยืนเหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทองคำ ขณะที่การเพิ่มขึ้นของราคาในสินค้าโภคภัณฑ์จะดันให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้น และหากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเกินไปจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเผชิญกับภาวะชะลอตัวได้นั่นเอง