• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 2 พฤษภาคม 2561

    2 พฤษภาคม 2561 | Economic News

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมากที่สุดในปีนี้และสามารถ Break ระดับสำคัญ ท่ามกลางสัญญาณ Divergence ที่เกิดขึ้นระหว่างเศรษฐกิจและทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯมีสัญญาณการขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปีนี้ ขณะที่ประเทศอื่นๆมีสัญญาณการขยายตัวได้เพียงเล็กน้อย จึงทำให้นักลงทุนมีการเข้าถือครองค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น

ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นไปทำ High บริเวณ 92.566 จุดซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 10 ม.ค. ก่อนจะอ่อนตัวกลับลงมาบริเวณ 92.454 จุด

อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ปีนี้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 92.64 จุด เมื่อวันที่ 9 มี.ค. โดยยืนเหนือระดับเปิดช่วงต้นปีบริเวณ 92.24 จุด

ค่าเงินยูโรถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนที่ออกมาแย่กว่าที่คาด จึงทำให้เกิดกระแสความไม่แน่ใจว่าอีซีบีจะปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติได้หรือไม่ โดยค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมา 0.67% ที่ระดับ 1.1998 ดอลลาร์/ยูโร

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวขึ้น โดยพันธบัตรอายุ 2 ปี ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ก.ย. ปี 2008 บริเวณ 2.542% ก่อนจะทรงตัวแถว 2.504% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปียังอยู่ระดับสูงที่ 2.966% และพันธบัตรอายุ 30 ปีปรับขึ้นมาที่ 3.129%

• เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ชี้ว่า เฟดมีโอกาสเพียง 5.7% ที่จะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวาระนี้ แต่สิ่งสำคัญที่นักลงทุนรอคอยคือมุมมองต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยปีนี้

• นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีความแข็งแกร่ง แม้ว่าภาพรวมการค้าโลกจะยังมีความไม่แน่นอน

• บรรดาข้าราชการในสหรัฐฯเริ่มดำเนินการผลักดันนโยบายควบคุมการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมที่คุมเข้มมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึง “ข้อจำกัดอื่นๆ” ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศขยายระยะเวลาสำหรับการละเว้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมให้กับประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ แม้บรรดาประเทศคู่ค้าจะยินดีกับการขยายเวลา แต่พวกเขาก็ยังพยายามผลักดันให้การละเว้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียม สามารถมีผลได้แบบถาวร

• เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวแทนการเจรจาทางการค้ากับจีน กล่าวว่า การเจรจาในสัปดาห์นี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของจีน เพียงแต่ต้องหาแนวทางเพื่อผลักดันการแข่งขันกับต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งการเจรจาในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ จะทำให้ทั้ง 2 ประเทศได้พูดคุยและศึกษากระบวนการจัดการความแตกต่างทางด้านการค้าร่วมกัน

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า กำหนดการประชุมกับผู้นำเกาหลีเหนือจะเปิดเผยในเร็วๆนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวชื่นชมนายทรัมป์ ว่าสมควรได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ จากความพยายามและท่าทีที่ต้องการยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

อย่างไรก็ดี ผู้นำเกาหลีใต้มีความเชื่อมั่นต่อเกาหลีเหนือมากขึ้นหลังจากที่ได้พบกันในการเจรจาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในการร่วมมือกันยุติโครงการอาวุธินิวเคลียร์คาบสมุทรเกาหลี

• บรรดากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ เผยยอดขายรถยนต์ที่ออกมาลดลงในเดือนเม.ย. เพราะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของกลุ่มผู้บริโภคยังคงอ่อนตัว และการแข่งขันในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้น

• ตัวแทนเจรจาทางการค้าของสหรัฐฯ กล่าวว่า หากการปรับทบทวนข้อตกลง NAFTA ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับทางแคนานาและเม็กซิโกได้ภายใน 3 สัปดาห์ การอนุมัติจากสภาคองเกรสอาจตกไป

• รายงาน Think-Tank SIPRI แสดงให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายทางการทหารของรัสเซียปรับตัวลดลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 2 ทศวรรษ จึงอาจส่งผลต่อการเดินหน้าจัดการทางการทหารได้ โดยปีที่แล้วค่าใช้จ่ายทางการทหารทั่วโลกปรับตัวขึ้น 1% แตะระดับ 1,739 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่งบของทางรัสเซียปรับลง 20% แตะ 6.63 หมื่นล้านเหรียญ

• เกิดเหตุระเบิดพลีชีพในเมืองคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นจำนวน 26 ราย ประกอบด้วยนักข่าว 9 ราย

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 1% ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 4 เดือน แต่ตลาดก็ยังมีแรงหนุนจากความกังวลที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 1.56 เหรียญ คิดเป็น -2.1% ที่ระดับ 73.13 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.32 เหรียญ คิดเป็นเกือบ -2% ที่ระดับ 67.25 เหรียญ/บาร์เรล

• ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ช่วยหนุนเศรษฐกิจของรัฐเท็กซัสฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ โดยกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานและค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้น และยังช่วยเพิ่มรายรับให้กับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ รวมถึงหนุนราคาที่อยู่อาศัยและของใช้จำเป็นอื่นๆ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com