• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 3 พฤษภาคม 2561

    3 พฤษภาคม 2561 | Economic News
• ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.3% บริเวณ 1.1983 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่าจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 1.1938 ดอลลาร์/ยูโร หลังการแข็งค่าของเงินดอลลาร์เริ่มที่จะหมดกำลังลง โดยดัชนีดอลลาร์ในวันนี้ค่อนข้างทรงตัวบริเวณ 92.43 จุด หลังจากการประชุมของเฟดไม่ได้ช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับจำนวนครั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มาขึ้นในปีนี้แต่อย่างใด

ด้านค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ปรับอ่อนค่า 0.1% บริเวณ 109.68 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับแข็.ค่าสุดในรอบ 3 เดือน ที่ 110.05 เยน/ดอลลาร์

ขณะที่ตลาดจะให้ความสนใจหลักไปยังการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนวันศุกร์นี้

• บรรดาตัวแทนด้านการค้าจากสหรัฐฯ ได้เดินทางมาถึงกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อเข้าร่วมการเจรจากับตัวแทนจากประเทศจีนเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าแล้วในวันนี้ โดยที่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของการประชุมแต่อย่างใด และการประชุมจะมีขึ้นอีกวัน คือในวันพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่การเจรจาจะประสบความสำเร็จ หรือดำเนินไปได้อย่างราบรื่นนั้น มีค่อนข้างต่ำ ขณะที่ทางการจีนน่าจะมีการเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาระยะสั้นขึ้นมา เพื่อชะลอการผลักดันนโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านเหรียญออกไปก่อน

• ทางการจีนสั่งยกเลิก 3 โปรเจ็คใหญ่สำหรับเมืองทางตอนเหนือของประเทศ เนื่องจากการดำเนินโปรเจ็คดังกล่าวอาจทำให้จีนไม่สามารถลดภาวะมลพิษได้ตามเป้าที่วางสำหรับช่วงฤดูหนาวปีนี้

นอกจากนี้ ทางการจีนยังมีกำหนดการที่จะลดปริมาณการผลิตบางส่วนลงภายในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งได้แก่ ลดการผลิตโลหะก่อสร้างลง 300,000 ตัน, ลดปริมาณการผลิตถ่านหินลง 1.1 ล้านตัน,และลดอัตราการผลิตไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินลง 268 เมกะวัตต์

• นายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่ประจำองค์การสหประชาชาติ กล่าวเตือนว่า สหรัฐฯไม่ควรยกเลิกหรือถอนตัวออกจากสนธิสัญญานิวเคลียร์กับอิหร่าน จนกว่าจะมีทางเลือกใหม่ที่สามรถรักษาสันติภาพระหว่างประเทศไว้ได้

ทั้งนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้มีการข่มขู่จะถอนสหรัฐฯออกจากสนธิสัญญาดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน รวมไปถึงการต่อต้านจากบรรดาประเทศพันธมิตร

• สถาบัน Cambridge Analytica ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่ Facebook มีการปล่อยให้ข้อมูลผู้ใช้งานกว่าหลายล้านบัญชีหลุดออกไปและถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสม ถูกประกาศล้มละลายแล้ว หลังจากผลประกอบการปรับร่วงลงอย่างหนัก

ทั้งนี้ สถาบัน Cambridge Analytica ได้มีการนำข้อมูลของผู้ใช้งาน Facebook กว่า 87 ล้านบัญชีโดยเฉพาะในสหรัฐฯ เพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลและสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้จ้างงานสถาบัน Cambridge Analytica กรณีดังกล่าวได้กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นของกลุ่มผู้ให้บริการ Social networkทั่วโลกปรับร่วงลงอย่างหนัก และก่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ให้บริการทั้วทั้งยุโรปและสหรัฐฯ

• รายงานจาก Bloomberg เปิดเผยว่า จีนไม่ได้มีการซื้อเมล็ดถั่วเหลืองจากสหรัฐฯแล้ว ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ

ประธานบริษัท Bunge ผู้สังเคราะห์เมล็ดพืชน้ำมันรายใหญ่ของโลก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว โดยระบุว่า “ไม่ว่าจีนจะซื้อเมล็ดถั่วเหลืองมาจากประเทศไหน แต่ไม่ใช่จากสหรัฐฯอย่างแน่นอน โดยส่วนมากจีนได้ซื้อมาจากแคนาดาและบราซิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบราซิล ขณะที่พยายามหลีกเลี่ยงที่จะซื้อเมล็ดถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ”

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบและปริมาณการผลิตรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติศาสตร์จึงส่งผลกระทบต่อการปรับลดอุปทานของกลุ่มโอเปก แม้ว่าสถานการณ์ที่ทางสหรัฐฯคว่ำบาตรอิหร่านจะยังหนุนตลาดอยู่ก็ตาม

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 5 เซนต์ อยู่ที่ระดับ 73.31 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 1 เซนต์ ที่ระดับ 67.92 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com