โดยข้อมูลยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนล่าสุดร่วงลงแตะ 0.9% ขณะที่เดือนก่อนหน้าปรับทบทวนลงมาที่ระดับ 0.2% ขณะที่คาดการณ์อยู่ที่ 0.5%
ล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมนีมีการปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจเยอรมนีลงสู่ระดับ 2.3% จากเดิม 2.4% และแสงความกังวลต่อความตึงเครียดทางการค้าของต่างประเทศ
• นักกลยุทธ์ของภาคธนาคาร ระบุว่า ความคืบหน้าบริเวณคาบสมุทรเกาหลีถือเป็นข่าวดีสำหรับหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ แสดงออกถึงความตั้งใจที่เข้าพบกัน และทำให้หลายๆฝ่ายเชื่อว่าความตึงเครียดทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้นนั้นน่าจะผ่อนคลายลงไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีนั้นดูเหมือนจะเป็นหุ้นที่น่าจะได้รับผลบวกอย่างเห็นได้ชัด
• สมาคมเหล็กแห่งเยอรมนี เผยว่า การเรียกเก็บภาษีเหล็กของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นต่อตลาดเหล็กของยุโรป ทำให้ภาคการผลิตบางแห่งหันไปใช้เหล็กอื่นในกลุ่มการผลิตของตนในกลุ่มสหภาพยุโรป โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ยอดนำเข้าจากรัสเซียพุ่งขึ้น 139% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และจากตุรกีประมาณ 76%
ดังนั้น ทางอียูจึงควรเร่งหามาตรการมาสกัดกั้นการใช้เหล็กจากต่างประเทศที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดอียู เช่นการกำหนดโควต้าของตนเองหรือการเก็บภาษี
• รายงานจากอีซีบี ชี้ว่า นโยบายกีดกันทางการค้าผ่านการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐฯในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเพียงเล็กน้อย แต่ภาวะความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นอาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวทางการค้าโลก เนื่องจากการโต้ตอบกันทางการค้าหรือ Trade War จะยิ่งทำให้ราคาการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาการผลิตเพิ่มขึ้น และบั่นทอนกำลังการซื้อของภาคครัวเรือน รวมทั้งส่งผลเชิงลบต่อกลุ่มผู้อุปโภคบริโภค การลงทุน และการจ้างงาน
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น 1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2014 โดยได้รับแรงหนุนจากวิกฤตเศรษฐกิจในเวเนซุเอลาและการยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 0.9% ท่ะรดับ 75.57 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 1% ที่บริเวณ 70.42 เหรียญ/บาร์เรล