• ดัชนีดาวโจนส์ปิด -0.01% ที่ระดับ 24,360.21 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.03% ที่ระดับ 2,671.92 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.02% ที่ระดับ 7,266.9 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัว หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศให้สหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ตามที่นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์กันไว้
อย่างไรก็ดี การตัดสินใจออกจากข้อตกลงดังกล่าวดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงสำหรับความขัดแย้งในตะวันออกมากขึ้น และอาจทำให้ชาติพันธมิตรในยุโรปไม่พึงพอใจ รวมถึงส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานน้ำมันทั่วโลกด้วย
• ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าจาก Perfomance Trust Capital Partners กล่าวว่า การกระทำของนายทรัมป์ไม่ได้เป็นการปิดประตูต่อพวกเขา เพียงแต่นายทรัมป์ต้องการข้อตกลงฉบับใหม่ และอาจมีการเปิดกว้างต่อการพูดคุยอีกครั้งได้ จึงอาจจะรุนแรงน้อยกว่าการประกาศถอนตัวดังกล่าว จึงจะเห็นได้ว่าในช่วงต้นตลาดที่ราคาหุ้นอ่อนตัวก็กลับมาปิดแดนบวกหรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
.png)
.png)
• ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสานกันในเช้านี้ โดยดัชนีกนิกเอิเปิด -0.38% โดยถูกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินและพลังงานที่ปรับตัวลง แม้ว่าภาคพลังงานและเหมืองจะดีดตัว
ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิดทรงตัว ขณะที่หุ้นตัวย่อยของภูมิภาคอย่าง Kosdaq เปิด +1.05%
• นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 31.85-32.00 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทยังคงมีทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่องตามตลาดโลกเนื่องจากค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลงไปมาก ขณะที่ตลาดเมื่อวานนี้มีแรงซื้อและแรงขายสลับกัน
• สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก คาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 61 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 8% ตามที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้หลังจากมูลค่าการส่งออกเดือนมีนาคม 2561 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยที่น่าเป็นกังวลคือเรื่องเงินบาทแข็งค่า ซึ่งส่งผลให้มูลค่าการส่งออกลดลงถึง 4%
Thai
Eng