MTS Help Center

• ราคาทองคำปรับตัวลดลง 0.2% บริเวณ 1,311.44 เหรียญ ในตลาดเอเชียช่วงเช้า ขณะที่ในช่วงบ่ายปรับลงต่อเนื่องมาเคลื่อนไหวแถวระดับ 1,306.37 เหรียญ ทำระดับต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 1,304.17 เหรียญ ท่ามกลางแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่ฟื้นกลับขึ้นมาแข็งค่าอีกครั้ง หลังการประกาศถอนสหรัฐฯออกจากสนธิสัญญานิวเคลียร์กับอิหร่านที่หนุนให้ราคาน้ำมันและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับสูงขึ้น

• ด้านราคาสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับลดลง 0.2% บริเวณ 1,311.70 เหรียญ

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง เมื่อเทียบกับเงินเยน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นใกล้ระดับ 3%

• นักวิเคราะห์จาก ANZ ประเมินว่า ราคาทองคำมีปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดทางการเมือง ขณะเดียวกันก็มีแรงกดดันมาจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่แรงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังมีไม่มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศถอนตัวของสหรัฐฯ

• มีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กำลังมีการเจรจากันเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้า โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังคงไม่มีท่าทีจะยอมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

• นักวิเคราะห์จาก Reuters คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มจะปรับลงไปทดสอบระดับ 1,301.51 เหรียญ หลังจากไม่สามารถผ่านแนวต้านแรกที่ระดับ 1,317 เหรียญไปได้ถึง 3 ครั้ง

• ราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.1% บริเวณ 16.42 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินั่มปรับสูงขึ้น 0.1% บริเวณ 912.50 เหรียญ ส่วนราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.3% บริเวณ 972.40 เหรียญ

• นายทอม บราดี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Newmont Mining กล่าวว่า ราคาทองคำมีการฟื้นตัวตามความต้องการทางเศรษฐกิจ โดยที่แนวโน้มของทองคำในช่วง 2 ปีนี้ดูจะมีความน่าสนใจมากในตลาดลงทุนนับตั้งแต่ปี 2016

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้จากระดับ 1,050 เหรียญในปี 2016 สู่ระดับ 1,314 เหรียญ โดยได้รับอานิสงส์จากความน่าสนใจการลงทุนกลุ่มสินค้าโลหะมีค่า มากกว่าปริมาณความต้องการทองคำแท่ง

อ้างอิงรายงานจาก Bloomberg Intelligence ระบุว่า จะเห็นได้ว่า ราคาทองคำปีนี้ค่อนข้างจะมีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2005

• ทีมนักวิเคราะห์จาก GFMS ประจำ Thomson Reuters ระบุในรายงานผลสำรวจ Gold Survey ปี 2018 โดยระบุว่า ปีนี้ตลาดมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก จึงขับเคลื่อนการลงทุนในลักษณะเป็นสภาวะ Risk-off และเป็นการเอื้อประโยชน์ครั้งใหญ่ต่อราคาทองคำ

ราคาทองคำจะมีราคาเฉลี่ยในปีนี้บริเวณ 1,360 เหรียญ และมีโอกาสจะทะยานขึ้นไปบริเวณ 1,500 เหรียญได้จากภาวะความเสี่ยงทางการเมือง โดยภาพรวมส่วนใหญ่มาจากภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองของนายทรัมป์, ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และการเจรจา Brexit ที่ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนทองคำปีนี้

หากเกิดความเสี่ยงทางการเมืองใดๆเพิ่มขึ้น ก็อาจเห็นราคาทองคำปีนี้ทำราคาขึ้นในระดับที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปี และนี่ดูจะเป็นสัญญาณที่ดีของนักลงทุนทองคำ ที่ไม่ได้เห็นราคาทองคำใกล้ระดับ 1,500 เหรียญมานับตั้งแต่ปี 2013