• ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบปี ท่ามกลางแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ที่ปรับสูงขึ้นบริเวณระดับทางจิตวิทยาอีกครั้งที่ 3% ขณะที่บรรดานักลงทุนกำลังจับตาดูการประกาศตัวเลข CPI ของสหรัฐฯในค่ำคืนนี้
• ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนนี้ ภาพรวมนักวิเคราะห์มองว่าน่าจะขยายตัวได้ 0.3% ขณะที่ Core CPI คาดว่าจะขยายตัวได้ 0.2% เพราะจะเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยทำให้เงินเฟ้อรายปีขยับได้แตะ 2.2-2.5% ซึ่งผลสำรวจจาก PMI ชี้ว่า หากข้อมูลแข็งแกร่งจะยิ่งหนุนกระแสคาดการณ์ดอกเบี้ยของเฟด และทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้
• การที่ทางการเกาหลีเหนือปล่อยตัวนักโทษชาวสหรัฐฯจำนวน 3 คน กลับประเทศ ได้ช่วยโอกาสที่การประชุมระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ก็มีความเป็นไปได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณว่านายคิม มีความต้องการจะเจรจาทางด้านสันติภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ รายงานจาก Reuters ระบุว่า สถานที่ที่ผู้นำทั้ง 2 จะพบกัน มีความเป็นไปได้สูงที่จะจัดขึ้นภายในแผ่นดินของสิงคโปร์
• นักวิเคราะห์บางส่วน มีความหวังเล็กๆว่าจะมีการต่อต้านการดำเนินการขัดขวางการคว่ำบาตรของสหรัฐฯบ้าง แต่ก็เชื่อว่ายุโรปและจีนอาจไม่มีมาตรการโต้ตอบใดๆกับการคว่ำบาตรของสหรัฐฯในครั้งนี้ อาจจะมีเพียงความไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมรับ เนื่องจากยังไม่มีชาติใดที่น่าจะยอมรับอิหร่านได้มากกว่าสหรัฐฯ
• ผลสำรวจโดย Reuters ประเมินว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ไปจนกว่าจะถึงเดือน ส.ค.
ความผันผวนของกระแสคาดการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากถ้อยแถลงของนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่า BoE ที่กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยส่งสัญญาณถึงการผ่อนคลายทางการเงิน ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจอังกฤษที่ออกมาค่อนข้างอ่อนแอ
ทั้งนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ที่ร่วมทำแบบสำรวจจำนวน 62 คน ประเมินว่า BoE จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือน พ.ค. นี้ ตรงกันข้ามกับผลสำรวจฉบับก่อนหน้าเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 69 คน จากทั้งหมด 76 คน ประเมินว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75% จากเดิมที่ระดับ 0.5% ในการประชุมวันที่ 10 พ.ค. นี้
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 1 ใน 3 ประเมินว่า BoE จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือน ส.ค.
• รายงานจาก Reuters ระบุว่า กองทัพอิสราเอลได้ทำการยิงขีปนาวุธจำนวนมากกว่า 10 ลูก เข้าสู่พื้นที่ของซีเรีย โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายฐานเรดาร์และคลังกระสุนของกองทัพอิหร่านที่ตั้งกองกำลังเอาไว้ในพื้นที่ของซีเรีย เพื่อสนับสนุนประธานาธิบดีซีเรียในการต่อสู้กับกลุ่มกบฏในซีเรีย
ขณะที่รายงานจากสำนักข่าว The Guardian ระบุว่าทางอิหร่านและอิสราเอลที่มีความบาดหมางกันมายาวนานดูมีท่าทีจะเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบมากขึ้น หลังจากที่อิหร่านทำการโจมตีฐานเรดาร์ของอิหร่านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของซีเรีย และทางอิสราเอลได้ออกมาตอบโต้ โดยส่งสัญญาณว่าจะทำการโจมตีกองกำลังของอิสราเอลที่อยู่ในพื้นที่ของซีเรียเช่นเดียวกัน
• นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่า BoJ กล่าวเตือนถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบถึงการบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลาง เช่น กระแสคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจไม่ขยายตัวอย่างราบรื่นตามที่คาดการณ์ไว้
“หากมีกระแสคาดการณ์หรือความกังวลว่าเศรษฐกิจในอนาคตอาจอ่อนแอ บรรดาผู้ประกอบการก็จะไม่กล้าที่จะปรับขึ้นอัตราค่าจ้างให้กับพนักงาน” นายคุโรดะกล่าว
• โฆษกประจำรัฐบาลจีนเผย ตัวแทนการค้าของจีนยืนยันที่จะรักษาจุดยืนที่แข็งกร้าว ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับสหรัฐฯ ในการเจรจาเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าของทั้ง 2 ประเทศ ที่กำลังดำเนินการจัดการเจรจารอบต่อไปที่จะเกิดในขึ้นสหรัฐนสัปดาห์หน้า
• ทางการซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่า หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการคว่ำบาตรอิหร่าน และส่งผลให้เกิดช่องว่างในปริมาณอุปทานน้ำมัน ซาอุดิอาระเบียจะเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อเข้ามาอุดช่องโหว่นั้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ทางซาอุดิอาระเบียมีแนวโน้มที่จะร่วมมือกับรัสเซียในการดำเนินดังกล่าว และตลาดโลกควรเตรียมพร้อมรับมือกับราคาน้ำมันที่อาจสูงขึ้นได้
ทางด้านนายทรัมป์ ยังคงยืนยันที่จะมีการคว่ำบาตรอิหร่าน เนื่องจากได้รับหลักฐานมาจากอิสราเอลที่บ่งชี้ว่าอิหร่านมีการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์และสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลาง
• นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เรียกร้องให้ยุติความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากที่อิสราเอล กล่าววาซีเรียมีการปล่อยขีปนาวุธเมื่อคืนนี้เพื่อโจมตีกองกำลังทหารของอิสราเอล
• นักวิเคราะห์จาก DailyFX วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบกำลังทดสอบเหนือเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci 38.% ที่ระดับ 71.24 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งหาก Break ได้มีโอกาสขึ้นไปแถวระดับเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วันที่ระดับ 72.59 เหรียญ/บาร์เรล แต่หากไม่ผ่านมีโอกาสกลับลงระดับต่ำสุดรอบ 19 เม.ย. บริเวณ 69.53 เหรียญ /บาร์เรล และจะลงมาเคลื่อนไหวในกรอบ 66.22 - 67.36 เหรียญ/บาร์เรล
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบหลายปี ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับโอกาสที่สหรัฐฯจะทำการคว่ำบาตรต่ออิหร่านครั้งใหม่ ในช่วงที่ตลาดกำลังอยู่ในสภาวะตึงตัว
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ พ.ย. ปี 2014 ที่ระดับ 77.89 เหรียญ/บาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นจากระดับปิดเมื่อคืนนี้ที่ระดับ 0.9%
ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ พ.ย. ปี 2014 เช่นกันบริเวณ 71.84 เหรียญ/บาร์เรล ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาเคลื่อนไหวแถว 71.78 เหรียญ/บาร์เรล