• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2561

    14 พฤษภาคม 2561 | SET News


• ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวผสมผสาน ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ให้ความสนใจไปยังประเด็นทางการเมืองอิตาลี และสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 ทรงตัว โดยปรับขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.2% ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในทิศทางที่แตกต่างกัน

• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ท่ามกลางความหวังที่ว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะเบาบางลง ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณว่าจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น ปรับตัวสูงขึ้น 0.4%

• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง ท่ามกลางผลประกอบการจากธุรกิจเครื่องสำอาง Shiseido ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 15% หลังจากที่กำไรดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นเทคโนโลยีหลังหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% ที่ระดับ 22,865.86, จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา

• ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างจีนและสหรัฐฯที่เบาบางลง ขณะที่เหล่านักลงทุนรอคอยการเข้าร่วมหุ้นของดัชนี MSCI

ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ปรับตัวสูงขึ้น 0.3% ที่ระดับ 3,174.03 จุด

• สถานการณ์ค่าเงินบาทประจำวันที่ 14 พ.ค. 2561 ระบุว่า ค่าเงินบาทเช้าวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 31.86 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากการปิดตลาดเมื่อศุกร์ (11 พ.ค.) ที่ระดับ 31.91 บาท/ดอลลาร์ ปัจจุบัน (10.30 น.) มีการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 31.83 บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการปิดตลาดเมื่อวานนี้ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจะมีการเจรจาพูดคุยกับเกาหลีเหนือ ส่งผลให้ค่าเงินสกุลวอนแข็งค่าขึ้น และส่งผลต่อเนื่องให้ค่าเงินบาทและสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ได้รับแรงหนุน และปรับตัวแข็งค่าตาม ในขณะเดียวกันผลกระทบจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ปรับตัวที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลง

ขณะที่วันนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ตลาดจับตามองผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) ในวันพุธนี้

• กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า ช่วงนี้เงินบาทอ่อนค่า 32.00 บาท/ดอลลาร์ ถือว่าเร็วกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งเดิมคาดการณ์ว่า ไตรมาส 2 ค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 31.20 บาท/ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม รอบนี้เงินบาทน่าจะอ่อนค่าชั่วคราว เพราะแนวโน้มดอลลาร์ยังแข็งค่าต่อเนื่อง หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้น เช่น อัตราว่างงานต่ำลง อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.5% ทำให้ตลาดมองว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งและบางส่วนคาดปรับขึ้น 4 ครั้งในปีนี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com