• ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียง 68.24 จุด คิดเป็น +0.27% ที่ระดับ 24,899.41 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.09% ที่ระดับ 2,730.13 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.11% ที่ระดับ 7,411.32 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางการอ่อนตัวของหุ้นตั้งรับที่บดบังมุมมองเชิงบวกจากข่าวที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีท่าทีประนีประนอมต่อบริษัทZTE Corp ที่ช่วยคลายความตึงเครียดในทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนลงไปบ้าง
• หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายทรัมป์ ได้ระบุว่า จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทสื่อสารรายใหญ่ของจีนดังกล่าวกลับมาดำเนินการทางธุรกิจได้เร็วขึ้น หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้ทำการแบนสินค้าบริษัทดังกล่าวที่มีการขายให้กับบริษัทในสหรัฐฯเป็นเวลาเกือบเดือน และการกลับลำของนายทรัมป์ในช่วงที่จะกลับมาเจรจาทางการค้าครั้งใหม่ของสหรัฐฯและจีน ได้ช่วยผ่อนคลายความกังวลของตลาดลงไป
• หัวหน้าฝ่ายบริหารจาก Horizon Investment Services แสดงความคาดหวังว่า ทั้ง 2 ประเทศจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้บางส่วน และจะช่วยรักษาภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงไม่ก่อให้เกิดสงครามทางการค้าใดๆขึ้น
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนลบ ท่ามกลางหุ้นกลุ่มภูมิภาคที่ดูจะทรงๆตัวหลังจากที่เปิดตลาดมา โดยหลังจากที่ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.04% ไม่นานตามหุ้น Topix ที่เปิด +0.17% ก็กลับมาอ่อนตัวลง โดยดัชนีนิกเกอิล่าสุด -0.2% ที่ระดับ 22,860.7 จุดท่ามกลางตลาดที่รอคอยการประกาศผลประกอบการของบริษัทมิทซูบิชิ ยูเอฟเจ กรุ๊ป
ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.03% หลังหุ้นบริษัทซัมซุง อิเล็ครอนิกส์เปิดทรงตัวในเช้านี้
• นักบริหารเงิน คาดการณ์ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.70-32.10 บาท/ดอลลาร์ โดยจะมีปัจจัยชี้นำหลักจะมาจากรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังสหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างประเทศกับอิหร่านและจะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับอิหร่าน
• สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คาดว่า การประชุม กนง. ในวันพรุ่งนี้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มฟื้นตัวแต่การเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังกระจุกตัว