• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 17 พฤษภาคม 2561

    17 พฤษภาคม 2561 | Economic News

·       ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย 0.2% ที่บริเวณ 93.180 จุด ใกล้ระดับสูงสุดของวันที่ 19 ธ.ค. ที่ 93.632 จุด ท่ามกลางแรงหนุนหลังค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.15% มาที่บริเวณ 1.1763 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวันที่ 18 ธ.ค. ท่ามกลางแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการเมืองในอิตาลี ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ยังปรับสูงขึ้นเป็นปัจจัยกดดันตลาดการเงิน

·       รายงานจาก CNBC ระบุว่า การเจรจาวาระที่ 2 ระหว่างสหรัฐฯและจีนที่จะเริ่มต้นในวันนี้ ก็คาดว่าจะยังคงมีท่าทีที่แข็งกร้าวต่อกันอยู่ แต่อาจมีขอบเขตการแก้ไขปัญหาร่วมกันได้บ้างบาง่วน

ทั้งนี้ ก่อนที่ตัวแทนเจรจาของทั้ง ฝ่ายจะเข้าพบกัน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้ระบุว่า ทั้ง ประเทศยังคงมีแนวทางที่แตกต่างกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของจีน ระบุว่า ฝ่ายสหรัฐฯเองก็ต้องการที่จะลดยอดขาดดุลภายในกรอบเวลาที่จำกัด ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถทำได้ผ่านการแทรกแซงทีมบริหาร และก็ไม่คิดว่าจะดำเนินการได้จริง รวมถึงกระบวนการตามหลักเหตุและผลด้วย

สหรัฐฯเรียกร้องให้จีนปรับลดยอดดุลทางการค้าร่วมกัน 2 แสนล้านเหรียญภายในปี 2020 ซึ่งในปี 2017 ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าจีนมียอดเกินดุลทางการค้าร่วมกับสรัฐฯอยู่ที่ 2.75 แสนล้านเหรียญ

อย่างไรก็ดี ภาพรวมทั้งหมดนี้ก็มิได้หมายความว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่สามารถเจรจาหาข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ คงต้องติดตามผลที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง


·       สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า HSBC Holdings เตือนว่า ตลาดเกิดใหม่อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะยาวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดนับแต่ปี 2011

นายเฟรเดอริค นิวแมนผู้อำนวยการร่วมฝ่ายวิจัยที่ HSBC กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอาจทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของตลาดเกิดใหม่ที่เป็นบวกมาอย่างต่อเนื่องอาจพลิกกลับเป็นขาดดุลได้

ขณะเดียวกัน HSBC คาดว่า เม็กซิโก และอาร์เจนติน่าอาจขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ในภูมิภาคเอเชีย คาดว่า อินโดนีเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์จะต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย

'เมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่จะต้องพยายามปรับตัวตามให้ทันเพื่อป้องกันผลกระทบต่อกระแสเงินทุนและเศรษฐกิจนายนิวแมนกล่าว

·       พรรค 5-Star Movement และพรรคฝ่ายขวาจัด ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านประจำรัฐสภาอิตาลีทั้ง 2 พรรค มีแนวโน้มว่าจะสามารถก่อตั้งรัฐบาลร่วมกันได้ จึงส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า พรรคฝ่ายค้านจะมีการเรียกร้องให้สหภาพยุโรปทำการยกหนี้สินประเทศที่มีมูลค่ากว่า 2.50 แสนล้านยูโร (2.96 แสนล้านเหรียญ) เพื่อนำงบประมาณไปใช้ในด้านสวัสดิการด้านต่างๆ และอาจรวมถึงการปรับลดภาษี

·       กลุ่มผู้นำยุโรปกำลังร่วมมือกันหาวิธีรับมือต่อภัยคุกคามจากสหรัฐฯในเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับ Trade War และการผลกระทบต่อสัมปทานที่มี

ทั้งนี้ นางอังเกลาร์ แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า สหภาพยุโรปมีความตั้งใจจะหารือร่วมกันในการจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่สหรัฐฯไม่ยอมละเว้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมให้แก่อียู ขณะที่ข้อตกลงการยกเว้นชั่วคราวจะเกิดสิ้นสุดลงในวันที 1 มิ.ย.

·       รายงานจากสำนักข่าว NHK ของญี่ปุ่น ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจกำลังเตรียมออกนโยบายเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯเป็นมูลค่ากว่า 4.09 ร้ายล้านเหรียญ เพื่อเป็นการต่อต้านนโยบายเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะใช้กดดันให้สหรัฐฯพิจารณาละเว้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมให้กับญี่ปุ่น

ทั้งนี้ รัฐบาลจะมีการรายงานต่อองค์การการค้าโลกโดยตรงเกี่ยวกับนโยบายเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ ภายในสัปดาห์นี้

·       รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศจีน แสดงความหวังว่าสหรัฐฯและจีนจะสามารถเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศได้ในการประชุมระหว่างตัวแทนจากทั้ง 2 ฝ่ายที่กำลังดำเนินการในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ทางการจีนยังได้แสดงความหวังว่าทางสหรัฐฯจะเร่งดำเนินการเกี่ยวกับนโยบายช่วยเหลือบริษัท ZTE ด้วยความยุติธรรมโดยเร็วที่สุด หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือ ZTE หลังจากที่ถูกกระทรวงสั่งห้ามส่งออกสินค้าให้กับ ZTE

·       การซื้อขายอนุพันธ์น้ำมันในตลาดจีนดูเหมือนจะได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น หลังจากเหตุการณ์ที่สหรัฐฯประกาศถอนตัวออกจากสนธิสัญญาด้านนิวเคลียร์กับอิหร่านเมื่อไม่นานมานี้

โดยอนุพันธ์ซื้อขายน้ำมันในตลาดพลังงานจีน หรือ Shanghai International Energy Exchange (INE) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ทำระดับสูงสุดที่ 240,000 ล็อต ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งวัน หลังจากที่มีสัญญาณว่าสหรัฐฯอาจพิจาณาเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน

·      ทางการเกาหลีใต้ยืนยันว่าพวกจะเป็นตัวกลางระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ เพื่อสนับสนุนให้การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ สามารถเกิดขึ้นได้จริง ในวันที่ 12 มิ.ย. นี้ ณ ประเทศสิงคโปร์

·       ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 2014 ที่ผ่านมา ขณะที่น้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้นแตะระดับ 80 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากภาวะอุปทานที่ตึงตัวและปริมาณความต้องการยังคงแข็งแกร่

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 0.12% ที่บริเวณ 79.40 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 0.3% ที่ระดับ 71.67 เหรียญ/บาร์เรล

·       ราคาน้ำมันดิบ Break เหนือระดับ 80 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่อุปสงค์น้ำมันดิบในเอเชียพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงทำให้ราคาน้ำมันในภูมิภาคปีนี้รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1 ล้านล้านเหรียญ ท่ามกลางปัจจัยที่เข้าขับเคลื่อนตลาดช่วงปี 2015/2016

ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นได้ 20% นับตั้งแต่ ม.ค. แตะระดับ 80 เหรียญ/บาร์เรล ซึงเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014

ปัจจัยขับเคลื่อนราคาน้ำมันดิบ ได้รับผลจากการเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์ ความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปริมาณนำเข้าน้ำมันในเอเชีย ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันที่สะท้อนต่อภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลต่อกลุ่มผู้บริโภคและภาคบริษัทต่างๆ

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com