บรรดานักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ต่างเห็นพ้องกันว่า บรรดาผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ยังสามารถอาศัยแรงหนุนจากนโยบายปฏิรูปภาษี เพื่อช่วยให้มีผลประกอบการสูงยิ่งขึ้นได้ภายในปีนี้ เนื่องจากการใช้จ่ายที่ยังมีแนวโน้มจะสามารถขยายตัวได้ ซ้ำยังอาจมีการขยายตัวได้มากกว่าในไตรมาสที่ 1/2018
ทั้งนี้ การใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากนโยบายปฏิรูปภาษี โดยเฉพาะในสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี อุปกรณ์ และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้ช่วยสนับสนุนความเชื่อมั่นว่าดัชนี S&P 500 ยังคงสามารถขยายตัวไปได้อีก หลังจากที่สามารถคงทิศทางขาขึ้นมาได้ยาวนานถึง 9 ปี
การใช้จ่ายภายในสหรัฐฯในช่วงไตรมาสที่ 1/2018 ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่นโยบายปฏิรูปภาษีผ่านการลงมติในรัฐสภาเมื่อปลายเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่บรรดาบริษัทในตลาดหุ้นก็มีการจ่ายเงินบันผลที่มากขึ้นจากปริมาณเงินลงทุนในหุ้นที่มากขึ้นเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Apple ที่มีปริมาณเงินลงทุนในหุ้นมากถึง 2.35 หมื่นล้านเหรียญ ในไตรมาสที่ 1/2018
จากข้อมูลของบรรดาบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 พบว่า มีปริมาณเงินลงทุนรวมในไตรมาสที่ 1/2018 ทั้งหมด 1.59 แสนล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นกว่า 21% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นช่วงไตรมาสที่มีปริมาณเงินลงทุนมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2011
นักวิเคราะห์อาวุโสประจำ S&P Dow Jones กล่าวว่า ตัวเลขที่ยกมาเป็นตัวเลขที่มหาศาล และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกในภาพรวมการลงทุนทั้งหมดของปีนี้ อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้ประกอบการอาจต้องเวลาในการที่จะตัดสินใจและดำเนินแผนใดๆที่ต้องเงินลงทุนก้อนนี้ จึงอาจช่วยหนุนให้ปริมาณการลงทุนขยายตัวต่อไปได้จนถึงต้นปี 2019
ที่มา: Reuters