• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม 2561

    21 พฤษภาคม 2561 | Economic News



·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองในอิตาลี


โดยดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นได้ 1.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว หรือปรับขึ้น 5เมื่อเทียบกับช่วงกลางเดือนก.พ. จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อควบคุมทิศทางเงินเฟ้อ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แตะ 93.83 จุดได้ในคืนวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค.


·         ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงติดต่อกัน 5 วันทำการและทำให้ภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วอ่อนค่าลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015 จากความกังวลเกี่ยวกับการเมืองของอิตาลีที่อาจปรับลดภาษีรวมทั้ง ค่าใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการอื่นๆด้วย


ค่าเงินยูโรช่วงปลายตลาดร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือนบริเวณ 1.1753 ดอลลาร์/ยูโร หรือร่วงลงไป 1.2ในสัปดาห์ที่แล้ว


·         นักกลยุทธ์ FX จาก Rabobank มองว่า มีความเป็นไปได้ที่ดัชนีดอลลาร์จะ Breakout เทรนขาขึ้นไปอีก โดยอาจเห็นดัชนีดอลลาร์กลับขึ้นเหนือระดับสำคัญทางเทคนิคบริเวณ 94.219 จุด และ 95.149 จุดในอีกไม่กี่สัปดาห์ โดยเป็นลักษณะปิดเหนือระดับดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง


·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากแรงขายในตลาด หลังจากที่ปรับตัวขึ้นไปแถวระดับสูงสุดรอบ 7 ปีบริเวณ 3.109โดยล่าสุดอ่อนตัวลงมาบริเวณ 3.0633%


·         ถ้อยแถลงสมาชิกเฟด 2 รายในคืนวันศุกร์ พบว่า นางลาเอล เบรนาร์ด สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟดกล่าวถึงการอัพเดตกฎระเบียบทางภาคธนาคารที่มีใช้มาอย่างยาวนานว่าควรปรับปรุงให้ทันสมัย ขณะที่นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ ระบุว่า ทิศทางเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นไปใกล้เคียงกับระดับเป้าหมายที่เฟดกำหนด ขณะที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยที่ปกป้องความเสี่ยงของเสถียรภาพทางการเงิน


·         นายแลรี คุดโลว์ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของนายทรัมป์ กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ-จีน มุ่งเน้นไปยังการปรับลดยอดเกินดุลการค้าร่วมกัน แต่การหาข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงลึกที่ชัดเจนยังต้องใช้เวลาเพื่อให้เกิดความคืบหน้า


·         ทางการจีนเห็นพ้องที่จะเพิ่มการเข้าซื้อสินค้าและภาคบริการสหรัฐฯ แต่ก็ยังไม่ได้ให้รายละเอียดถึงเป้าหมาย 2 แสนล้านเหรียญที่ทางทำเนียบขาวได้เสนอไปก่อนหน้านี้

 
ตัวแทนการเจรจาของจีนและสหรัฐฯเห็นพ้องกันในการหามาตรการร่วมกัน โดยจีนจะมีการนำเข้าพลังงานและสินค้าทางการเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นให้มียอดรายปีที่ระดับ 3.35 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดดุลการค้ากับจีน


·         ล่าสุด นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ภาวะสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้ยุติลงเป็นการชั่วคราว หลังจากที่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อลดท่าทีคุกคามทางการค้าผ่านการเพิ่มภาษีนำเข้า รวมทั้งมีการกำหนดกรอบเวลาการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  และสหรัฐฯจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในขณะนี้


·         พรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประสบความล้มเหลวในการผลักดัน ร่างกฎหมาย Farm bill ที่จะช่วยอุดหนุนเกษตรกรสหรัฐฯเป็นมูลค่ากว่า 8.67 แสนล้านเหรียญ เนื่องจากบรรดาส.ส. ต้องการที่จะผลักดันร่างกฎหมายการอพยพให้สำเร็จเสียก่อน


·         คณะกรรมาธิการอียูกำลังจัดทำข้อเสนอให้แก่รัฐบาลของอียูได้ทำการทำธุรกรรมการโอนเงินได้โดยตรงไปยังธนาคารกลางของอิหร่านเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯที่จะเกิดขึ้นต่ออิหร่านโดยเบื้องต้น จะทำการหาช่องทางของระบบการเงินสหรัฐฯที่อนุญาตให้บริษัทของยุโรปสามารถจ่ายชำระคืนให้แก่กลุ่มส่งออกน้ำมันของอิหร่าน รวมทั้งเม็ดเงินสู่กองทุนอิหร่านในยุโรป


·         นายเจนส์ เวียดแมนส์ ประธานธนาคารบุนเดสแบงก์ ยังคงเป็นหนึ่งในผู้จะมาดำรงตำแหน่งประธานอีซีบีคนต่อไปในปีหน้าแทน นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบีคนปัจจุบัน พร้อมเรียกร้องให้สมาชิกอีซีบีทำการประกาศสิ้นสุดนโยบาย QE ในเร็ววัน เนื่องจากเงินเฟ้อของยูโรโซนมีการขยายตัวได้ดีตามเป้าหมายของอีซีบี

·         ภาคประกันภัยทั่วโลกกำลังเทขายหุ้น และมีการปรับทบทวนภาคธุรกิจใหม่อีกครั้งหลังจากที่สหรัฐฯประกาศออกจากข้อตกลงอิหร่าน โดยจะใช้วิธีการคว่ำบาตรต่อภาคธุรกิจต่ออิหร่านจึงอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจประกันภัยทั่วโลกได้  

·         ประธานหอการค้า รวมถึงบรรดาบริษัทชั้นนำในประเทศเยอรมนี เริ่มมีความกังวลว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องการที่จะเอาผลประโยชน์ให้แก่สหรัฐฯมากกว่าที่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศคู่ค้า

ทั้งนี้ บรรดาบริษัทเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับนายทรัมป์มากขึ้น หลังจากที่เขาประกาศถอนสหรัฐฯออกจากสนธิสัญญานิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งอาจส่งผลให้เยอรมนีทำธุรกิจร่วมกับอิหร่านได้ยากลำบากขึ้น จากนโยบายคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ

ความกังวลดังกล่าวเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่การออกนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กอีก 25% และอะลูมิเนียม 10% กับประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ เมื่อเดือน มี.ค. แม้บรรดาประเทศในสหภาพยุโรปจะได้รับการละเว้นภาษีจนถึงวันที่ มิ.ย. ก็ตาม

·         รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งประเทศเม็กซิโก กล่าวเกี่ยวกับการเจรจาสนธิสัญญา NAFTA ว่า การเจรจายังมีปัญหาอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้รับความเห็นด้วยจากทุกฝ่าย แต่ปัญหาเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อนแต่อย่างใด

ทั้งนี้ การเจรจาในสัญญา NAFTA ระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก เริ่มมีความตึงเครียด มากขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการกดดันจากสหรัฐฯที่ต้องการสรุปผลการประชุมโดยเร็ว ก่อนที่เม็กซิโกจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 1 ก.ค. นี้


อย่างไรก็ตาม การเจรจายังคงไม่มีท่าทีว่าจะสำเร็จได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากประเทศคู่เจรจายังคงไม่สามารถยอมรับข้อเสนอจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณนำเข้ารถยนต์จากแคนาดา รวมถึงความขัดแย้งทางด้านระบบการค้าอื่นๆระหว่างทั้ง 3 ประเทศ


·         รายงานจาก TheCityUK เกี่ยวกับสถานการณ์การเงินของประเทศอังกฤษ ระบุว่าอัตราค่าจ้างสำหรับบุคคลกรในสถาบันการเงิน นักบัญชี และนักกฏหมาย จากนอกประเทศจะพุ่งสูงขึ้นภายหลังการ Brexit ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสถานภาพของอังกฤษที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางด้านการเงินของโลกได้ ดังนั้น การปฏิรูประบบการอพยพในอังกฤษจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

·         ทึ่ปรึกษาธนาคารกลางจีน สนับสนุนให้ตลาดการเงินของจีนเปิดกว้างทางการแข่งขันกับต่างชาติ แต่การเปิดระบบเสรีทางการเงินควรต้องกระทำอย่างระมัดระวังมากขึ้นในเรื่องของการโยกย้ายเม็ดเงิน

·         นายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ร่วมกับนายทรัมป์ มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์เพื่อหารือให้แน่ใจว่าการประชุมกับทางเกาหลีเหนือจะยังคงมีอยู่ หลังจากที่เกาหลีเหนือมีการข่มขู่จะถอนตัวจากการประชุมที่จะถึงนี้  โดยผู้นำ 2 ประเทศจะพยายามร่วมกันเพื่อให้การเจรจาของสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จ ภายใต้กำหนดการ 12 มิ.ย.นี้

·         ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงคืนวันศุกร์ แต่ราคาน้ำมันดิบ Brent ภาพรวมในสัปดาห์ที่แล้วยังปรับขึ้นได้ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเวเนซูเอล่าที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับอุปสงค์ทั่วโลกที่ปรับขึ้นอย่างแข็งแก่รง และการที่สหรัฐฯจะประกาศคว่ำบาตรต่ออิหร่าน

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนก.ค. ปิดลดลง 26 เซนต์ คิดเป็น -0.3% ที่ระดับ79.04 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทะยานแตะ 80 เหรียญ/บาร์เรลได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ พ.ย. ปี 2014 และส่งผลให้ภาพรวมน้ำมันดิบ Brentตั้งแต่ต้นปีปรับขึ้นได้ประมาณ 20%


สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดลดลง 21 เซนต์ คิดเป็น -0.3ที่ระดับ 71.28 เหรียญ ซึ่งถึงจะปิดลดลงคืนวันศุกร์ แต่ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมายังถือเป็นการปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง 3 สัปดาห์

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com