
สมาชิกเฟดมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องของ Yield Curve และอัตราเงินเฟ้อที่ยังต้องอยู่ภายใต้การพิจารณาของเฟด อันจะเห็นได้จากการประชุมเฟดในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 1-2 พ.ค. ที่เฟดยังตัดสินใจคงดอกเบี้ย แต่เจ้าหน้าที่เฟดก็มีการหารือต่อข้อมูลใหม่ว่าจะส่งผลให้เฟดสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ในปีนี้
หลังจากที่เฟดได้ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ไปเมื่อการประชุมเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ก็เกิดกระแสคาดการณ์กันว่าการขึ้นครั้งต่อไปจะเกิดในการประชุมเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งปัจจุบันยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้มากขึ้นจาก 3 ครั้งเป็น 4 ครั้งในปีนี้หรือไม่
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Bank of America Corp กล่าวว่า สมาชิกเฟดหลายรายก็ดูมีท่าทีผ่อนคลายต่อภาวะการฟื้นตัวของเงินเฟ้อ แต่บางรายก็ยังคงกังวลว่าการปรับขึ้นของเงินเฟ้อที่สูงมากเกินไปอาจนำไปสู่การปรับลดภาวะคาดการณ์ ซึ่งก็คาดว่าน่าจะได้เห็นในรายงานการประชุมคืนนี้เกี่ยวกับประเด็นการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ รายงานประชุมเฟดจะเปิดเผยในช่วงเวลาตี 1 (ตามเวลาประเทศไทย) โดยคาดว่าใจความโดยรวมจะคล้ายเดิมในการประชุมเมื่อวันที่ 2 ที่ผ่านมา แต่อาจมีการอ้างถึงความสมดุลในการดำเนินงานกับเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งดูเหมือนจะมีสัญญาณที่ผ่อนคลายมากขึ้นท่ามกลางโอกาสที่เงินเฟ้อจะขยับเหนือเป้าหมายที่เฟดกำหนดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สมาชิกเฟดบางส่วนจะหารือว่าสิ่งที่ตลาดจะเผชิญนั้นต้องเป็นในลักษณะที่สมมาตรกัน
คาดการณ์ค่ามัธยฐานสำหรับข้อมูลเงินเฟ้อดูเหมือนจะขยับใกล้ 1.9% ในช่วงสิ้นปีนี้ ขณะที่สมาชิกเฟดส่วนใหญ่มองว่าเงินเฟ้อจะปรับขึ้น 2% ได้ภายใน 1 ปี (ช่วงเดือนมี.ค.ปีหน้า) ขณะที่ข้อมูล Core Inflation ที่ไม่รวมความผันผวนของราคาอาหารและพลังงานน่าจะปรับขึ้นได้ 1.9%
ขณะที่ Yield Curve ซึ่งเป็นปัจจัยสะท้อนถึงความแตกต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวและระยะสั้นดูจะกลับมาเคลื่อนไหวแดนลบ หลังจากที่ขยับตัวสูงขึ้นในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา และจะเห็นได้ว่าค่อยๆหดตัวลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งมีความห่างน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007
อย่างไรก็ดี สมาชิกเฟดอย่างน้อย 3 ราย ไม่วาจะเป็น นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์, นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า และนายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส มีการกล่าวถึงเงินเฟ้อและระบุถึงสาเหตุท่าทำไมเฟดจึงควรดำเนินการด้วยความระมัดระวังต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ขณะที่นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดสาขานิวยอร์กคนต่อไป และนายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตันดูจะมีความกังวลน้อยกว่าประธานเฟด 3 สาขาขางต้น
นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนได้ปรับลดคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนับตั้งแต่การประชุมเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และดูเหมือนจะมีบางประเด็นที่ทำให้เฟดน่าจะดำเนินนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือทิศทางของกิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐฯดูจะเคลื่อนไหวจำกัด แต่ก็ไม่คิดว่าเฟดจะอยู่เฉยๆในช่วงนี้ และหากมีสัญญาณเพิ่มขึ้นว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อ อาจสะท้อนว่าเป้าหายเงินเฟ้อมีความสัมพันธ์กับคาดการณ์ของพวกเขาในระยะสั้นๆ แต่ก็ยังไม่คิดว่าเฟดต้องการจะส่งสัญญาณใดๆเพิ่มเติมในช่วงนี้
ที่มา: Bloomberg