· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ให้ความสนใจไปยังการประกาศผลประกอบการและผลกระทบเกี่ยวกับประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 ปรับลง 0.1% ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในวันนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯ ได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดี ให้เริ่มดำเนินการตรวจสอบการนำเข้าสินค้ากลุ่มยานพาหนะ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ระบุว่า การเจรจา”เป็นไปได้ยาก” ที่จะประสบความสำเร็จ และการที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงใดๆได้ อาจจำเป็นต้องมีการ “ปฏิรูปโครงสร้าง” ทางการค้า
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นปรับลง 0.1%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงในรอบกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ร่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯ ได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดี ให้เริ่มดำเนินการตรวจสอบการนำเข้าสินค้ากลุ่มยานพาหนะ เพื่อประเมินว่าสินค้ากลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มจะกลายเป็น “ปัญหาต่อความมั่นคงของชาติ” หรือไม่
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ปรับลง 1.1% ที่ระดับ 22,437.01 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง โดยดัชนี Shanghai Composite ปิด-0.5% ที่บริเวณ 3,154.65 จุดท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยระบุว่า การเจรจา”เป็นไปได้ยาก” ที่จะประสบความสำเร็จ และการที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงใดๆได้ อาจจำเป็นต้องมีการ “ปฏิรูปโครงสร้าง” ทางการค้า
รมว.พาณิชย์ นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารปรุงสำเร็จ หลังราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ปรับราคาขึ้นเป็นถังละ 395 บาท (ถัง 15 กิโลกรัม) เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้า ทั้งอาหารปรุงสำเร็จและสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะผลการศึกษาของกระทรวงพาณิชย์พบว่ามีต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการปรับขึ้นราคาได้