· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน ท่ามกลางค่าเงินยูโรที่กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง หลังจากที่นายจูเซปเป้ คอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวว่า รัฐบาลอิตาลีไม่เคยคิดจะออกจากยูโรโซน
นักวิเคราะห์ มองว่า ค่าเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากรายงานของ Bloomberg ที่ระบุว่า อีซีบีอาจทำการสรุปการตัดสินใจอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนนี้ ที่น่าจะมีการประกาศเกี่ยวกับนโยบาย QE ที่อาจสิ้นสุดลง
ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่ไม่คาดว่าอีซีบีจะตัดสินใจยุติ QE ในเดือนนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในอิตาลีที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นมา 0.1% ที่ระดับ 1.1712 ดอลลาร์/ยูโร จึงกดดันให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.1% มาที่ระดับ 93.894 จุด
· สถาบันจัดการด้านอุปทานหรือ ISM เผย ดัชนีภาคบริการในเดือนพ.ค. ขยายตัวได้เกินคาดที่ระดับ 58.6 จุด หลังจากที่ช่วง 3 เดือนก่อนหน้าปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จึงยังบ่งชี้ถึงทิศทางที่แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ซึ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงตลาดแรงงานก็เป็นตัวการันตีได้ว่าเฟดน่าจะทำการขึ้นดอกเบี้ยได้ในการประชุมสัปดาห์หน้านี้ และยังหนุนโอกาสให้เฟดน่าจะพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีกจำนวน 2 ครั้งจากนั้น
· รายงานจากรอยเตอร์ส ชี้ว่า เฟดอาจจำเป็นต้องชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย หากว่าเจ้าหน้าที่อีซีบียังคงต้องต่อสู้กับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
· ทำเนียบขาว เปิดเผยว่า การประชุมระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ อาจเกิดขึ้นที่เกาะเซนโทซ่า ทางตอนใต้ของประเทศสิงคโปร์ และขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารอย่างเร่งด่วนสำหรับการประชุมที่จะเกิดขึ้นร่วมกันในสัปดาห์หน้า
ขณะที่นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์สื่อว่า แผนการเจรจาครั้งแรกระหว่างเขาและผู้นำเกาหลีเหนือเป็นไปได้ค่อนข้างดี
· ทางด้าน นายวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวชื่นชมนายทรัมป์ที่กล้าหาญจัดประชุมร่วมกับผู้นำเกาหลีเหนือ และคาดว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะเป็นผลลัพธ์ที่ดี
· เม็กซิโก ประกาศจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประเภทเนื้อหมูของสหรัฐฯ 20% หลังจากที่นายทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประเภทเหล็กและอะลูมิเนียมในสัปดาห์ที่แล้ว
· ทางสหภาพอียูไม่คาดหวังว่าจะได้รับการยกเว้นจากนโยบายภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯได้ ในการประชุม G7 ร่วมกันในช่วงปลายสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ 8-9 มิ.ย. และดูเหมือนจะไม่มีแนวโน้มที่จะสามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันในการประชุมดังกล่าวได้
· ขณะที่ทางการแคนาดาเห็นด้วยว่า การประชุม G7 วาระนี้จะยังไม่สามารถหาข้อตกลงเรื่องนโยบายภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากสหรัฐฯได้
· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า กลุ่มพันธมิตรค้าปลีกและภัตตาคารร้านอาหาร เรียกร้องให้สภาคองเกรสทำการแก้ไขข้อผิดพลาดของร่างการปรับลดภาษีในเดือนธ.ค. เนื่องจากเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภาคบริษัทจากการลงทุนในคลังสินค้าของพวกเขา
· นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการหยุดของวุฒิสมาชิกในเดือนส.ค.นี้ เพราะต้องการให้สมาชิกทุกฝ่ายมีเวลาในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณค่าใช้จ่ายก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ และจะยื่นเรื่องต่อให้แก่ให้แก่ทีมบริหารของนายทรัมป์
· อิหร่านกำลังเริ่มต้นเตรียมสนับสนุนการผลิตแร่ยูเรเนียมหากข้อตกลงนิวเคลียร์ล้มเหลว โดยการกระทำดังกล่าวถือเป็นการสร้างแรงกดดันชาติมหาอำนาจยุโรปในการพยายามรักษาข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านหลังจากที่สหรัฐฯถอนตัว
· น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นหลังลงทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบเดือนจากรายงานที่ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีข้อเรียกร้องต่อซาอุดิอาระเบียและกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อื่นๆในปรับการเพิ่มกำลังการผลิต
โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 9 เซนต์ คิดเป็น +0.12% ที่ระดับ 75.38 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันปรับตัวลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 8 พ.ค. บริเวณ 73.81 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 77 เซนต์ คิดเป็น +1.2% ที่ระดับ 65.52 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 10 เม.ย. บริเวณ 64.22 เหรียญ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ค่าพรีเมียมระหว่างน้ำมันดิบ Brent ต่อ WTI ปรับลง 9.30 เหรียญ หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วมี Spread ห่างกันสูงถึง 11.57 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มี.ค. ปี 2015 ซึ่งความต่างดังกล่าวเป็นลักษณะของ Overcook จึงทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไรเข้ามาในตลาดน้ำมัน Brent