ปัจจัยที่สะท้อนต่อราคาทองคำในตอนนี้ จะเห็นได้จากตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนี Nasdaq ยังคงปิดทำระดับสูงสุดใหม่แบบ All-Time High ต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วันทำการ ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นไปยืนเหนือ 25,000 จุด โดยความเชื่อมั่นในตลาดที่เป็นสภาวะ Risk-On กลับเข้าสู่ตลาดทั้งคู่ ท่ามกลางภาวะแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ จึงได้สร้างแรงกดดันให้กับกลุ่มสินค้าโลหะมีค่า รวมไปถึง “ทองคำ” ด้วยนั่นเอง
ในเวลาเดียวกัน ภาวะความกังวลทางการเมือง ที่มักเป็นปัจจัยขับเคลื่อนทองคำในฐานะ Safe-Haven รวมถึงข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังดำเนินไป และเหมือนจะไม่มีทางแก้ได้ง่ายๆ หลงจากที่สัปดาห์ที่แล้วการพูดคุยดังกล่าวไม่ได้มีความคืบหน้าใดๆเพิ่มเติม
รายงานจาก MarketWatch เผยว่า นักวิเคราะห์จาก ThinkMarkets กล่าวว่า สงครามการค้าทั่วโลกดูจะเป็นเพียงปัจจัยเดียวที่สนับสนุนราคาทองคำ และการตอบโต้กลับก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์กันไว้แล้ว หลังจากที่นายทรัมป์เลือกใช้มาตรการทางการค้า
อย่างไรก็ดี ข้อขัดแย้งของจีนและสหรัฐฯ เกิดขึ้นในช่วงที่การประชุม G7 กำลังจะเกิดขึ้นในวันศุกร์และวันเสาร์นี้ และมีแนวโน้มสูงว่า “การเรียกเก็บภาษีนำเข้า” และประเด็น “การค้า” จะเป็นหัวข้อหลักของการประชุมวาระนี้ และแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของนายทรัมป์ก็ดูจะสร้างความกัดดันในการหารือครั้งนี้
นอกจากนี้ ความกังวลทางการเมืองยังคงมีอยู่จากการที่ผู้นำระหว่างสหรํฐฯและเกาหลีเหนือจะเข้าพบกันในวันที่ 12 มิ.ย. นี้ โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นคืออะไร แต่หลายฝ่ายก็ดูเหมือนว่าการประชุมดังกล่าวจะเป็นไปได้ด้วยดีและประสบความสำเร็จร่วมกันได้
นักวิเคราะห์จาก FXTM กล่าวว่า แม้ว่าความกังวลทางการค้าจะมีอยู่ แต่ราคาทองคำก็ยังต้องรอความชัดเจนและประเด็นใหม่ๆเพิ่มเติมเพื่อเกื้อหนุนการปรับขึ้นของสินทรัพย์ปลอดภัย รวมทั้งผู้นำสหรัฐฯ ที่อาจสร้างความไม่แน่นอนครั้งใหม่ให้เกิดขึ้นได้
ขณะที่ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง สภาพคล่องที่เป็นปัจจัยที่บ่งชี้ว่าการลงทุนในค่าเงินดอลลาร์ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ขณะเดียวกันภาวะตึงเครียดทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์เสี่ยงในภาวะ Risk-on ได้
สรุปภาพรวมคือ ปัจจัยทั้งหมดที่เกิดขึ้นดูจะยังทำให้ตลาดตกอยู่ในสภาวะ Risk-On มากกว่า
ที่มา: Kitco