· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศทำการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 5 หมื่นล้านเหรียญ และถือเป็นการก่อสงครามการค้าระหว่าง 2 ผู้นำประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างจีนและสหรัฐฯ โดยที่จีนนั้นประกาศกร้าวจะทำการตอบโต้ด้วยเช่นกัน
โดยรายการสินค้าที่สหรัฐฯประกาศเรียกเก็บจากจีนมีกว่า 800 รายการ โดยจะเรียกเก็บเพิ่มที่ระดับ 25% และมีผลในวันที่ 6 ก.ค.นี้ ซึ่งหมายรวมถึงรถยนต์นำเข้าด้วย
รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่า จะทำการโต้ตอบด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯเช่นเดียวกัน และข้อตกลงใดๆทางการค้าที่เคยพูดคุยกันมาจะถือเป็น “โมฆะ” โดยสำนักข่าวซินหัวระบุว่า จีนอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 25% โดยมีรายการสินค้าทั้งหมด 659รายการ รวมไปถึง ถั่วเหลือ และสินค้าในกลุ่มยานยนต์ตลอดจนอาหารทะเล
· ค่าเงินดอลลาร์กลับอ่อนค่าลงอีกครั้งเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯยืนยันที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจำนวน 5 หมื่นล้านเหรียญ ขณะที่ทางการจีนกร้าวจะหาวิธีตอบโต้ จึงจุดประกายภาวะ Trade War ระหว่าง 2 ประเทศกลับมาอีกครั้ง
ค่าเงินเยนแข็งค่ากลับลงมาอีก 0.05% บริเวณ 110.57 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 110.9 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ จากกลุ่มนักลงทุนที่กลับเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เกิดภาวะตึงเครียดทางการเมือง และความผันผวนในตลาด ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.35% มาที่ระดับ 1.1608 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ผลประชุมอีซีบีกดดันให้ค่าเงินยูโรร่วงลงกว่า 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่ากลับลงมาบริเวณ 94.76 จุด หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดบริเวณ 95.15 จุด โดยภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับแข็งค่าขึ้น 1.3% ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยนักวิเคราะห์จาก FXStreet มองว่า หากดัชนีดอลลาร์ขึ้นฝ่า 95.14 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อ 15 มิ.ย.ได้อีกครั้ง มีโอกาสกลับขึ้นไปที่ระดับ 95.51 จุด และ 96.51 จุด ซึ่งเป็นระดับแนวต้านสำคัญทางเทคนิคและเป็นจุดสูงสุดเมื่อ 4 ก.ค. ปีที่แล้ว
· กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเผย ยอดส่งออกญี่ปุ่นในเดือน พ.ค. ขยายตัวได้ 8.1% จากปีที่ผ่านมา มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 7.5% บ่งชี้ถึงปริมาณอุปสงค์ทั่วโลกที่แข็งแกร่ง
ขณะที่ยอดนำเข้าของญี่ปุ่นขยายตัว 14.0% ในเดือน พ.ค. มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.2% สำหรับยอดดุลการค้าญี่ปุ่นล่าสุด พบว่าขาดดุล 5.783 แสนล้านเยน (5.23 พันล้านเหรียญ) ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ว่าจะมียอดขาดดุลอยู่ที่ 2.350 พันล้านแยน
· ราคาน้ำมันดิบปิดลดลงกว่า 2 เหรียญ หลังจากที่2 ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในโอเปก ส่งสัญญาณอาจปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมโอเปกสัปดาห์หน้า ขณะที่กลุ่มผู้ส่งออกของสหรัฐฯอาจได้รับผลกระทบจากการที่จีนจะตอบโต้ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยอาจมีการเรียกเก็บภาษีนกลุ่มน้ำมันและการกลั่นน้ำมันจากสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 2.5 เหรียญ คิดเป็น -3.29% ที่ระดับ 73.44 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 2.25 เหรียญ คิดเป็น -3.4% ที่ระดับ 64.64 เหรียญ/บาร์เรล
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงกว่า 4% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับลงไปกว่า 1.7%
กลุ่มนักลงทุนวิตกกังวลก่อนเข้าสู่การประชุมโอเปกในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการปรับขึ้นกำลังการผลิต จึงถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าพวกเขาน่าจะเตรียมการสำหรับการปรับขึ้นกำลังผลิตน้ำมันในการประชุมวาระนี้