· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวแดนลบในปีนี้ ขณะที่กลุ่มนักลงทุนบางส่วนยังคงมองว่า สงครามทางการค้าอาจเป็นมากกว่ายุทธวิธีเพื่อหาทางเจรจาร่วมกัน
ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 287.26 จุด คิดเป็น -1.15% ที่ระดับ 24,700.21 จุด โดยร่วงหลุดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 วันลงมา แม้จะสามารถรีบาวน์ได้บ้างในช่วงการซื้อขาย แต่ก็ปิดต่ำกว่าระดับเส้นค่าเฉลี่ย Moving Average ราย 50 วัน ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิด -0.4% และดัชนี Nasdaq ปิด -0.28%
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น หลังจากที่ปรับตัวลงไปอย่างหนักในวาระการซื้อขายที่ผ่านมา โดยตลาดยังมีความกังวลต่อ Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีนอยู่ โดยเช้านี้ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.27% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด +1.23%
ทางด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.75% ท่ามกลางหุ้นบริษัท Samsung Electronics ที่ปรับขึ้น 1.17% และหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเหล็กอย่าง Posco เปิด +2.21%
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าไปแตะระดับ 33.00 บาทได้ โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ระหว่าง 32.60-33.85 บาท/ดอลลาร์ และต้องจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
· กนง. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ต่อปี ในการประชุม กนง.วันที่ 20 มิ.ย. 2561 นี้ แต่จุดสนใจของการประชุมคงอยู่ที่การประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า โดยสภาวะเศรษฐกิจไทยมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคการบริโภคและการลงทุน จากตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 1/2561 ที่สะท้อนถึงการขยายตัวเพิ่มขึ้นขององค์ประกอบ GDP ในทุกองค์ประกอบ ขณะที่เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ร้อยละ 1.0-4.0 ทั้งนี้ หากภาพเศรษฐกิจของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2561 ยังสามารถรักษาระดับการเติบโตไว้ได้อย่างต่อเนื่อง กนง. อาจจะมีการพิจารณาทบทวนถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจไทย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของภาพตลาดการเงินของโลกในระยะข้างหน้า