· ดัชนีดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวบริเวณ 95.13 จุด ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนที่ระดับ 95.30 จุด ที่สามรารถขึ้นไปได้ในช่วงตลาดก่อนหน้า โดยบรรดานักลงทุนมีความระมัดระวังในการซื้อขายเพื่อจับตาดูความคืบหน้าของความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.15% บริเวณ 1.1574 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1.1528 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่นายมาริโอ้ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไป
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะให้การสนับสนุนทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรในการลงมติร่างนโยบายการอพยพในพื้นที่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ที่กำลังเป็นประเด็นความขัดแย้งภายในสหรัฐฯอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากร่างนโยบายจะเป็นการแยกเด็กออกจากครอบครัวของผู้อพยพ
· ผลสำรวจโดย Thomson Reuters พบว่าบรรดาผู้ประกอบการในทวีปเอเชียมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ส่งผลให้ทางจีนมีแนวโน้มที่จะโต้กลับด้วยการขึ้นภาษี
โดยดัชนีความเชื่อมั่นราย 6 เดือนปรับลดลงสู่ระดับ 74 จุด ในช่วงไตรมาสที่ 2/2018 ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ระดับ 79 จุด ของไตรมาสก่อนหน้า
· รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งเกาหลีใต้ยืนยันว่า การคว่ำบาตรเกาหลีเหนือจะยังคงมีผลอยู่ จนกว่าจะสามารถแน่ใจได้ว่าเกาหลีเหนือได้ทำการปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์แล้ว
· รายงานการประชุมของบีโอเจในเดือน เม.ย. ที่เปิดเผยในช่วงสายวันนี้ แสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้บีโอเจคงนโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษต่อไป ขณะที่มีกรรมการเพียงคนเดียวที่เสนอให้บีโอเจเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเพื่อหนุนให้เงินเฟ้อขยายตัวได้ตามเป้า
· ทั้งนี้ บีโอเจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยและนโยบายไว้ดังเดิมในการประชุมเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ได้ยกเลิกกำหนดช่วงเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเติบโตได้ตามเป้า โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า การที่บีโอเจตัดสินใจเช่นนี้ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดคาดว่าจะมีการออกนโยบายมากระตุ้นเศรษฐกิจ
· ดัชนีวัดความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นขยายตัวสู่ระดับ 26 จุดในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 22 จุดในเดือน พ.ค. โดยเป็นขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่ดัชนีวัดความเชื่อมั่นของภาคบริการในญี่ปุ่นกลับชะลอปรับร่วงลงสู่ระดับ 35 จากเดิมในเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 29 จุด ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนที่ชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ความแตกต่างของดัชนีความเชื่อมั่นทั้ง 2 เป็นการบ่งชี้ถึงความกังวลของเศรษฐกิจหลังจากที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 1/2018
· นายสี จิ้นผิง ประธานษธิบดีจีน กล่าวชื่นชมนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่ได้เดินทางมาเยือนจีนเมื่อวานนี้ เกี่ยวกับการประชุมระหว่างนายคิมและนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งผลออกมาใน “เชิงบวก” พร้อมให้สัญญาจะรักษามิตรภาพอันดีระหว่างเขาและนายคิมเอาไว้
· รายงานจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือเตรียมที่จะส่งบรรดาทหารต่างชาติรวมถึงสหรัฐฯที่ถูกจับกุมไว้ตั้งแต่สมัยสงครามเกาหลี กลับประเทศภายใน 1-2 วันนี้
· สำนักข่าวประจำรัฐบาลจีนได้แสดงความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นจีน แม้ตลาดหุ้นจะปรับร่วงลงมาอย่างหนักจากความกังวลเกี่ยวกับ Trade war ระหว่างจีน-สหรัฐฯก็ตาม ขณะที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่กว่า 30 บริษัทเปิดเผยแผนที่จะเข้าซื้อหุ้นเพื่อช่วยกอบกู้ไม่ให้ตลาดหุ้นจีนปรับร่วงลงไปมากกว่านี้
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และปริมาณน้ำมันของประเทศลิเลียที่ลดลง
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ ฺBrent เพิ่มสูงขึ้น 0.5% ที่ระดับ 75.48 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.6% ที่บริเวณ 65.43 เหรียญ/บาร์เรล
· บรรดานักวิเคราะห์และผู้บริหารของธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน กล่าวเตือนว่าการที่จีนได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้าปิโตรเลียมของสหรัฐฯท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้า จะส่งผลให้ยอดขายน้ำมันสู่ผู้บริโภครายใหญ่ปรับลดลง และอาจทำให้ราคาน้ำมันสหรัฐฯถูกกดดันลง
· บรรดาผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในกลุ่มโอเปกดูจะยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ก่อนหน้าการประชุมของโอเปกที่จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในวันศุกร์นี้
โดยซาอุดิอาระเบียและสมาชิกนอกกลุ่มโอเปกอย่างรัสเซีย มีความเห็นว่าควรทยอยยกเลิกมาตรลดกำลังการผลิตลงท่ามกลางการเรียกร้องจากผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อย่างสหรัฐฯและจีน ที่ต้องการให้ชะลอการปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมันลง
ขณะที่สมาชิกกลุ่มโอเปกบางส่วน เช่น อิหร่าน อิรัก เวเนซูเอลา และอัลจีเรีย ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของซาอุฯและรัสเซีย