· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 119.19 จุด หรือคิดเป็น +0.49% ที่ระดับ 24,580.89 จุด ซึ่งเป็นการปรับขึ้นได้อีกครั้งหลังจากที่ปิดแดนลบติดต่อกัน 8 วันทำการ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.19% ที่ระดับ 2,754.88 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.26% ที่ระดับ 7,692.82 จุด
ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวขึ้นคืนวันศุกร์จากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ฉุดให้ดัชนี Nasdaq ปิดปรับลดลง แต่ตลาดยังมีความกังวลทางการค้าเพิ่มขึ้น หลังจากที่นายทรัมป์ข่มขู่จะทำการปรับขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าของทางยุโรปอีก 20%
ภาพรวมในสัปดาห์ที่แล้วดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงไปประมาณ 2% ซึ่งเป็นระดับการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค. ขณะที่ดัชนี S&P500 สัปดาห์ที่แล้วปรับลดลง 0.9% ขณะที่ Nasdaq ร่วงลง 0.7%
· ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่วิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei ร่วงลง 0.25% ขณะที่ดัชนี Topix ปรับตัวลง 0.31%
· นักบริหารทางการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 32.80-33.40 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่กระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้รายจ่ายส่วนบุคคล และตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนี Core PCE Price Index เดือนพ.ค. รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2561 (ประมาณการครั้งสุดท้าย)