· ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน จากภาวะความกังวลทางการค้าล่าสุดที่ฉุดให้นักลงทุนลดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลง
ทั้งนี้ ค่าเงินเยนกลับแข็งค่าลงมา 0.4% ที่ระดับ 109.54 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ร่วงลงไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 11 มิ.ย. ที่ระดับ 109.45 เยน/ดอลลาร์
กลุ่มนักลงทุนกลับมาลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลง หลังจากที่ WSJ รายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐฯกำลังวางแผนการห้ามบริษัทที่มีจีนเป็นหุ้นส่วนไม่น้อยกว่า 25% ทำการเข้าซื้อบริษัทสหรัฐฯที่มีความเกี่ยวข้องในภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ประกอบกับรายงานล่าสุดที่นายทรัมป์มีท่าทีคุกคามทางการค้าต่ออียู และทางอียูจะทำการตอบโต้หากนายทรัมป์มีการเคลื่อนไหวในการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากทางอียู
ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นมาทรงตัวบริเวณ 94.559 จุด โดยยังอยู่ห่างจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก.ค. ปี 2017 บริเวณ 95.529 จุด ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับลงไปทำต่ำสุดบริเวณ 2.871%
ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1654 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่วันศุกร์ปรับแข็งค่าขึ้นไปประมาณ 0.5%
· รายงานจาก Wall Street Journal (WSJ) ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วางแผนที่จะห้ามบริษัทของจีนไม่น้อยกว่า 25% ในการเข้าลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีในสหรัฐฯ และจะห้ามบริษัทสหรัฐฯส่งออกสินค้าเทคโนโลยีให้กับจีน โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง
ทั้งนี้ WSJ ะบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯอาจจะประกาศมาตรการดังกล่าวภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นมาตรการตอบโต้นโยบาย Made in China 2025 ที่จีนได้ริเริ่มเป้าหมายดังกล่าวเพื่อที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยี
· การเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3.4 หมื่นล้านเหรียญ ถือเป็นขั้นแรกจากจำนวน 4.5 แสนล้านเหรียญ ที่จะมีผลในบังคับใช้ในวันที่ 6 ก.ค. เพื่อเป็นบทลงโทษทางการค้าของจีนที่ละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าเทคโนโลยีสหรัฐฯ ตลอดจนกฎข้อบังคับและนโยบายอื่นๆ
· เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ เผยว่า สหรัฐฯจะยื่นกรอบเวลาต่อเกาหลีเหนือที่ได้ร้องขอเป็นกรณีพิเศษในการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างผู้นำสหรัฐฯและผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
· นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน เผยว่า จีนและสหภาพยุโรป (อียู) มีเป้าหมายในการหาข้อสรุปการเจรจาร่วมกันเกี่ยวกับข้อตกลงภาคการลงทุนร่วมกัน โดยทั้งสองประเทศมีแนวคิดต่อต้านการกีดกันทางการค้าและการปกป้องระบบการค้าโลกในระบบพหุภาคี
อย่างไรก็ดี จีน แสดงความคาดหวังว่า อียูจะตั้งใจหาทางผ่อนปรนกฎการส่งออกสินค้ายุโรปสู่จีน ขณะที่อียูยังคงจะเรียกร้องให้จีนผ่อนคลายโครงสร้างการเข้าถึงตลาดจีนรวมทั้งปัญหาต้นทุนเหล็กที่สูงเกินไป
· รายงานจากรอยเตอร์ ระบุว่า คะแนนความนิยมในตัว นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐฯมนตรีญี่ปุ่นปรับเพิ่มขึ้นกว่า 10 จุด หลังจากที่อันดับความนิยมร่วงลงไปครั้งแรกในช่วงเดือนก.พ. และผลสำรวจล่าสุด สะท้อนว่าเขาอาจเป็นผู้นญี่ปุ่นที่อยู่ในวาระการดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุด
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่คาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่มีการประชุมโอเปคในกรุงเวียนนาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยนักวิเคราะห์ ระบุว่า ตลาดน้ำมันอาจจะยังคงตึงในปีนี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ร่วงลง 1.7% ท่ะรดับ 74.25 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.2% ที่ระกับ 68.42 เหรียญ/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนมากกว่าน้ำมันดิบBrent เนื่องจากปริมาณแท่นขุดเจาะสหรัฐฯที่ลดลงเล็กน้อยและปัญหาการขาดแคลนอุปทานของแคนาดา