ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียในปัจจุบันดูมีท่าทีที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ทางสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะเรียกร้องให้รัสเซียเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก แม้ทางรัสเซียได้ตกลงเพิ่มกำลังการผลิตกับกลุ่มโอเปกในก่อนประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ตาม เนื่องจากนโยบายคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯทำให้ปริมาณน้ำมันหายออกจากตลาดโลกเป็นปริมาณมหาศาล
นายริค แพร์ลี่ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานแห่งสหรัฐฯ และนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานแห่งรัสเซีย จะพบกันภายในวันอังคารนี้ โดยทั้งคู่จะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม World Gas Conference
ทั้งนี้ นายโนวัค ได้เข้าการประชุมกับกลุ่มโอเปกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน แม้ทางรัสเซียจะเสนอให้เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ก็ตาม แต่นายโนวัคก็เห็นว่าจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นจำนวนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายแพร์ลี่ กลับมองว่าปริมาณดังกล่าวอาจ “ค่อนข้างน้อยไปหน่อย” สำหรับการป้องกันภาวะขาดแคลงน้ำมันของตลาด ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่านโยบายคว่ำบาตรอิหร่านจะทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดสูญหายไปประมาณ 500,000บาร์เรล/วัน ภายในช่วงปลายปี 2018
นอกเหนือจากความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันของอิหร่านแล้ว ยังมีความกังวลจากสถานการณ์การเมืองในประเทศเวเนซุเอลาที่อาจทำให้ปริมาณน้ำมันหายไปเกือบครึ่งล้านบาร์เรล/วันได้ ขณะที่ประเทศลิเบียก็สูญเสียกำลังการผลิตน้ำมันไปเกือบ450,000 บาร์เรล/วันภายในเดือน มิ.ย. เนื่องจากเหตุก่อการร้าย ถึงแม้กองทัพลิเบียจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงไม่มีความชัดเจนว่าจะไม่เกิดเหตุก่อการร้ายอีกแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังมีเหตุขัดข้องของหม้อแปลงไฟฟ้าในประเทศแคนาดา ที่ทำให้แคนาดาสูญเสียการผลิตน้ำมันไปมากกว่า 360,000 บาร์เรล/วัน ที่อาจยืดเยื้อไปจนถึงเดือน ก.ค.
ทั้งนี้ นายโนวัคได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า รัสเซียเองก็กำลังอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ จากกรณีที่พวกเขาได้เข้าแทรกแซงสถานการณ์ในประเทศยูเครน รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2016 ดังนั้น เขาจึงไม่อาจทราบได้การประชุมครั้งนี้จะดำเนินไปด้วยดีหรือไม่
ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า ทางรัสเซียอาจเรียกร้องให้สหรัฐฯพิจารณาผ่อนคลายการคว่ำบาตรพวกเขาลง เพื่อแลกกับการที่รัสเซียจะเพิ่มกำลังการผลิตตามที่สหรัฐฯเรียกร้อง
นอกจากนี้ การประชุมครั้งนี้อาจต่อยอดไปสู่การพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ภายในอนาคตอันใกล้นี้ได้