· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น จากภาวะสงครามการค้าที่ดูจะไม่มีความคืบหน้าใดๆเพิ่มเติม ขณะที่กลุ่มนักลงทุนกลับมาให้ความสนใจต่อประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง
ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.49% ที่ระดับ 94.74 จุด หลังจากที่ปรับตัวลงไปติดต่อกัน 4 วันทำการ
ทางด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 0.1% มาที่ระดับ 110.11 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดบริเวณ 109.37 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1650 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปรับอ่อนค่าลงมา 0.5% เมื่อคืนนี้
· ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปเริ่มทรงตัวหลังจากที่ทรุดตัวลงไปจากสัญญาณความขัดแย้งจากทีมบริหารของนายทรัมป์ต่อโครงสร้างการลงทุนต่างชาติในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับสัญญาณจากความตึงเครียดทางการค้าที่เริ่มจะเป็นอุปสรรคต่อห่วงโซ่อุปทาน และนั่นทำให้ตลาดจีนเคลื่อนไหวแดนลบ
· นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส เชื่อมั่นว่า เฟดจะดำเนินนโยบายได้อย่างต่อเนื่อง และอาจทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งในปีนี้ก่อนที่จะหยุดเมื่อถึงระดับที่เหมาะสม
อย่างไรก็ดี นายเคพแลนด์ ได้กล่าวเตือนว่า ความเสี่ยงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับเม็กซิโกและแคนาดาดูจะเบาบางไปเมื่อเทียบกับท่าทีคุกคามทางการค้าจากจีน เนื่องจากลิขสิทธิ์ทางปัญญาและการถ่ายโอนข้อมูลทางภาคเทคโนโลยีถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งจีนกำลังมีการใช้กิจการร่วมค้าเพื่อได้รับเทคโนโลยีและการค้าทั่วโลก และการต่อสู้กันในประเด็นดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหญ่มากทางด้านความสัมพันธ์กับทางจีน
· นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า ระบุว่า ความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วได้เพิ่มความเสี่ยงทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่เฟดก็จะสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยได้จำนวน 4 ครั้งในปีนี้ หากว่าภาวะตึงเครียดทางการค้าผ่อนคลายลงไป
· ผลการประกาศความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ออกมาแย่กว่าที่คาด ท่ามกลางกลุ่มครัวเรือนที่มีมุมมองเชิงลบระยะสั้นต่อเรื่องรายได้ แต่ภาพรวมสัญญาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ยังไม่มีแนวโน้มจะเป็นไปอย่างยั่งยืน
· เมื่อคืนนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ทางรัฐบาลสหรัฐฯได้มีการศึกษาเกี่ยวกับการเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหภาพยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และน่าจะมีการดำเนินการในเร็วๆนี้
· สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติเอกฉันท์ 400-2 เสียง ในการผ่านร่างกฎการควบคุมการลงทุนต่างชาติ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ ประกอบกับ ส.ส.ส่วนใหญ่มองว่าการค้าของจีนนั้นไม่มีความยุติธรรม และมีการละเมิดสินทรัพย์ทางปัญญา
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รับรองว่า มาตรการของนายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯเป็นไปอย่างเหมาะสมในการควบคุมภาคการลงทุนของจีนในบริษัเทคโนโลยีสหรัฐฯ ซึ่งการปรับทบทวนมาตรการด้านความมั่นคงที่แข็งแกร่งจะช่วยปกป้องภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯได้
· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า สองวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ อันได้แก่ นายมาร์ค วอร์เนอร์ สมาชิกวุฒฺสภาและผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ และนายมาโคร รูบิโอ สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกัน เรียกร้องให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯกลับมาพิจารณาข้อตกลงของเขาใหม่อีกครั้งในเรื่องของ ZTE Corp เพื่อยกระดับการแบนบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือสื่อสารยักษ์ใหญ่ของจีนดังกล่าวที่ดูจะมีท่าทีคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ
· ผลสำรวจเอกชน ชี้ ภาคการผลิตของจีนส่งสัญญาณชะลอตัวในไตรมาสที่ 2 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันที่อาจเพิ่มขึ้นจากประเด็นความขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯและจีน
โดยรายงาน CBB หรือ China Beige Book International ระบุว่า หลังจากที่ภาคการผลิตจีนขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนจะเริ่มมีสัญญาณชะลอตัว โดยยอดการส่งออกสินค้าในไตรมาสที่ 2 นี้ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาที่ 2 ของปีที่แล้ว ขณะที่ปีหน้ายอดส่งออกสินค้าอาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
· สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.58 เหรียญ ที่ระดับ 76.31 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 2.45 เหรียญ ที่ระดับ 70.53 เหรียญ โดยระหว่างวันน้ำมันดิบ Brent ขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 76.61 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ WTIทะยานขึ้นแตะ 70.76 เหรียญ/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นกว่า 2% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับขึ้นแตะ 70 เหรียญเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ท่ามกลางสหรัฐฯที่กำลังผลักดันให้ชาติพันธมิตรทำการระงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน ซึ่งประเด็นนี้อาจช่วยจำกัดภาวะอุปทานน้ำมันตลาดโลก
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบมีการฟื้นตัวหลังจากที่สถาบัน API เปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวลงเกินคาดที่ระดับ 9.2 ล้านบาร์เรล
· รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้นานาประเทศทำการปรับลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันทั้งหมดจากอิหร่านนับตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้ และไม่มีแนวโน้มจะได้รับการยกเว้นใดๆ ท่ามกลางทีมบริหารนายทรัมป์ที่ดูจะเพิ่มแรงกดดันต่อชาติพันธมิตรในการให้ปรับลดการสนับสนุนชาติอิหร่าน
· ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวว่า รัฐบาลอิหร่านสามารถจัดการแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของสหรัฐฯได้