· ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.11% บริเวณ 94.26 จุด ท่ามกลางความกังวลจากความขัดแย้งทางการค้าที่ยังคงกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่ หลังจากที่สามารถปรับแข็งค่าขึ้นได้ 0.45% เมื่อคืนที่ผ่านมา
ถึงแม้ความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะเริ่มผ่อนคลายลงไปได้บ้างก็ตาม แต่นักลงทุนดูจะยังคงมีความระมัดระวังในการลงทุนท่ามกลางการปรับร่วงลงของตลาดหุ้นจีนและค่าเงินหยวน
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนปรับอ่อนค่าลง 0.26% บริเวณ 109.76 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงเข้าซื้อค่าเงินเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดทางการค้า ส่วนค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.16% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ บริเวณ 1.1665 ดอลลาร์/ยูโร
· ประชาชนในสหรัฐฯรวม 17 รัฐ ยื่นฟ้องร้องคณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์กับศาลยุติธรรม ภายใต้ข้อกล่าวหาว่าทีมบริหารได้ออกนโยบายกีดกันผู้อพยพในพื้นที่ชายแดนระหว่างสหรัฐฯ-เม็กซิโก เป็นเหตุให้เยาวชนถูกแยกออกจากครอบครัวของพวกเขา
· ส.ส.ประจำพรรค CDU ของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เปิดเผยว่าการเจรจาภายในพรรคร่วมรัฐบาลยังคงไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ในหัวข้อของนโยบายการอพยพ แม้จะมีเจรจาร่วมกันยาวนานกว่า 4 ชั่วโมงในคืนที่ผ่านมา ดังนั้นการเจรจาครั้ต่อไปจึงยังจำเป็นต้องเกิดขึ้น
· นายฟิลลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งอังกฤษ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารจัดทำโดย Caixin ของประเทศจีน โดยระบุว่า รัฐบาลอังกฤษยังคงให้การสนับสนุนนโยบายการค้าเสรีและการเปิดกว้างทางการค้าขายระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ และหวังว่านโยบาย “ถนนสายไหม” ของจีนจะนำพามาซึ่งโอกาสทางการค้าอย่างไร้ขีดจำกัด
· ผลประกอบการของภาคอุตสาหกรรมในประเทศจีนขยายตัวในเดือน พ.ค. ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า แม้จะมีสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯก็ตาม
โดยรายงานจากสำนักสิถิติแห่งประเทศจีนเปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมจีนมีผลกำไรเพิ่มขึ้น 21.1% สู่ระดับ 6.071 แสนล้านหยวน (9.2 หมื่นล้านเหรียญ) เทียบกับในเดือน เม.ย. ที่มีผลกำไรเพิ่มขึ้น 21.9%
· รายงาน China Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจของจีนซึ่งจัดทำโดย CBB International ระบุว่า ภาคการผลิตของจีนมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงที่อาจส่งผลต่อความกดดันต่อเศรษฐกิจของประเทศจีนเช่นเดียวกับความตึงเครียดทางการค้ากับประเทศสหรัฐฯที่ร้อนแรงขึ้น
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางภาวะอุปทานในแคนนาดาและการที่สหรัฐได้เรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรระงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.8% ที่ระดับ 76.92 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% ที่ระดับ 70.88 เหรียญ/บาร์เรล