ทั้งนี้ ราคาทองคำในภาพรายสัปดาห์ มีโอกาสปรับร่วงลงไป 1.4% ขณะที่ภาพรวมรายเดือนปรับร่วงลงไป 3.6%
ด้านราคาสัญญาทองคำตลาด COMEX ปรับสูงขึ้น 0.1% บริเวณ 1,252.50 เหรียญ
· ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นบรรดาผู้นำประเทศแถบยุโรปในการประชุม EU Summit สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการอพยพได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายๆฝ่ายกังวล เพราะหากเจรจาไม่สำเร็จ อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นหนึ่งเดียวของสหภาพยุโรป
· ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.6% บริเวณ 94.856 จุด หลังจากแข็งค่าขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี ขณะที่ภาพรวมรายไตรมาสมีโอกาสปิดตลาดเพิ่มขึ้น 5.4% โดยมีแรงหนุนหลักๆมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง
· นักวิเคราะห์จาก MKS PAMP Group คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,245 – 1,248 เหรียญ และจะมีแนวรับแรกที่ระดับ 1,237 เหรียญ
· เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลดลงเล็กน้อยจากที่คาดการณ์เอาไว้ในไตรมาสที่ 1/2018 ท่ามกลางแรงกดดันจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 5 ปี แต่เศรษฐกิจยังสามารถเติบโตได้ โดยอาศัยแรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและนโยบายปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ได้กล่าวว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯที่เริ่มอยู่ในภาวะอื่มตัว อาจทำให้ชาวผิวสีและชาวละตินอเมริกามีอัตราว่างงานที่ใกล้เคียงอัตราว่างงานของคนขาว ซึ่งอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่สนับสนุนให้เฟดพิจารณาหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
· ราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้นเกือบ 1% บริเวณ 16.05 เหรียญ สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ มีโอกาสปรับตัวลดลง 2% ซึ่งจะเป็นอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.
ราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.6% บริเวณ 949.82 เหรียญ
ราคาแพลทินั่มปรับสูงขึ้น 0.3% บริเวณ 850 เหรียญ หลังลงไปทำระดับต่ำสุดของเดือน ม.ค. ปี 2016 ที่ระดับ 837.30 เหรียญในช่วงตลาดก่อนหน้า สำหรับภาพรวมรายไตรมาส ปรับลดลงไป 9% ซึ่งเป็นอัตราที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. ปี 2016
· นักวิเคราะห์จาก Trading View ชี้ว่า ราคาทองคำฟอร์มตัวเป็นลักษณะ Triangle เมื่อวัดจากระดับเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci ดังนั้นจึงมีโอกาสเห็นราคาทอคำมีโอกาสปรับตัวเป็นขาขึ้นระยะสั้นในกรอบดังกล่าวได้ แต่ภาพหลักของราคาทองที่ยังเป็นขาลง หากมีการดีดกลับ ฺBreak ออกจากรูปล่างได้ก็มีโอกาสเริ่มเห็นเป็นขาขึ้น