
· ราคาทองคำในคืนวันศุกร์มีการรีบาวน์ขึ้นมา 0.45% บริเวณ 1,253.55 เหรียญ ขึ้นมาจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ชณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงประเมินว่าทิศทางขาลงของทองคำยังมีแนซโน้มที่จะดำเนินต่อไป
สำหรับภาพรวมราคาทองคำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับร่วงลงไป 1.4% ขณะที่ภาพรวมรายเดือนปรับลดลงไป 3.6% ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. ปี 2016
· นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank ประเมินว่า ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นมาได้เพียงเล็กน้อยจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ดังนั้นราคาทองคำจึงยังไม่มีสัญญาณของการกลับตัวแต่อย่างใด ขณะที่ Indicators ต่างๆของตลาดทองคำก็ล้วนส่งสัญญาณเชิงลบ โดยนักลงทุนดูจะให้ความสนใจไปยังค่าเงินดอลลาร์และพันธบัตรในฐานะ Safe haven ท่ามกลางความตึงเครียดจากTrade war เสียมากกว่า
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์แนวรับของราคาทองคำไว้ที่ระดับ 1,240 เหรียญ ถ้าหากหลุดระดับนี้ลงไป คาดว่าราคาทองคำจะมีแรงเทขายอย่างหนัก
· นักวิเคราะห์จาก MKS PAMP Group คาดการณ์ว่า ราคาทองคำน่าจะมีแรงเข้าซื้อบางส่วนบริเวณ 1,245 – 1,248 เหรียญ โดยจะมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,237 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก TD Securities ประเมินว่า ตลาดทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูจะไม่ได้ตอบรับกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลง ดังนั้น ราคาทองคำในระยะสั้นยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมองระดับต่ำสุดไว้ที่บริเวณ 1,230 เหรียญ หรืออาจต่ำกว่า
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่าในช่วงปลายปี 2019 ราคาทองคำอาจขึ้นไปเคลื่อนไหวแถวระดับ 1,375 เหรียญได้ ท่ามกลางแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มสูญเสียแรงหนุนขาขึ้น และการเข้าซื้อในฐานะ Safe haven เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความจึงเครียดทางการที่มีแนวโน้มจะตึงเครียดยิ่งขึ้นในอนาคต
· กองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทำการเทขายทองออกมาอีก 1.47 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 819.04 ตัน