· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าและการลงทุนระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยดัชนี Stoxx 600 เปิด -0.1% ขณะที่หุ้นส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในภาพรวม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ก่อนที่นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนกำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ขณะที่เงินหยวนรีบาวน์แข็งค่าหลังธนาคารกลางจีนมีการใช้นโยบายกอบกู้ตลาด หลังจากที่เงินหยวนอ่อนค่าลงไปจากความกังวลในช่วงสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับตัวลดลง 0.25% หลังจากที่ลงไประดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนเมื่อวานนี้
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง ท่ามกลางแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยดัชนี Nikkei ปิด -0.31% บริเวณ 21,717.04 โดยทำจุดต่ำสุดรายวันที่ 21,604.18 จุด
· ตลาดหุ้นจีนเคลื่อนไหวแบบผันผวนตลอดวันทำการ ก่อนที่จะกลับมาปิดตลาดในแดนลบท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ โดยดัชนี Shanghai Composite ปิด -0.68%
· การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งรายงานความคืบหน้าช่วงเช้าวันนี้ (4 ก.ค. 61) มีบริษัทมาซื้อซองเสนอราคาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน จำนวน 1 บริษัท คือChina Communications Construction Company Limited
· สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแบบรายงานการจำหน่าย หุ้นของบมจ. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ(BAFS) โดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 02/07/2561 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -7.06% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 0.0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
· นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภาพรวมเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ และแนวโน้มในระยะต่อไป ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีแล้ว โดยล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค.ได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ปีนี้ 4.5% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐ การส่งออก และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดี
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ปัญหาสงครามการค้า ยังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง เนื่องจาก หากมีสถานการณ์สงครามการค้าเกิดขึ้นรุนแรงระหว่างสหรัฐ และจีน อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ ขณะเดียวกัน ก็อาจจะเป็นโอกาสของไทยที่ไม่ถูกตั้งกำแพงภาษีเช่นเดียวกัน
สำหรับความจำเป็นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวนั้น ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นจะต้องดูเศรษฐกิจโดยรวม ดูความมั่นคง การฟื้นตัวกระจายตัวหรือไม่ และมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด ซึ่งยืนยันว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น อย่าขึ้นตามประเทศอื่นที่ปรับขึ้นไปแล้ว แต่ต้องพิจารณาจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก