· ค่าเงินหยวนจีนแข็งค่า 0.21% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ จากระดับเปิดตลาดวันนี้ที่ 6.6365 หยวน/ดอลลาร์ ลงมาบริเวณ 6.6299 หยวน/ดอลลาร์ หลังรัฐบาลจีนมีการผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนให้กับตลาด หลังจากที่เงินหยวนทำระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 11 เดือนที่ขึ้นไปท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับ Trade war
ด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.15% บริเวณ 94.528 จุด ก่อนหน้าวันหยุดเนื่องในวัน Independence day ของสหรัฐฯในคืนนี้
· การลงทุนในค่าเงินยูโรนั้น นักวิเคราะห์มองว่าหากยูโรทรงตัวได้เหนือระดับ 1.1700 ดอลลาร์/ยูโร ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองเยอรมนีดูจะผ่อนคลายลงไปในขณะนี้ และต้องจับตาไปยังข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายการผลิต (PMI) ของยูโรโซนที่อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ได้ โดยระยะสั้นๆ มีโอกาสเห็นค่าเงินยูโรยังมีความเชื่อมั่นในตลาดเป็นขาขึ้น ซึ่งหากค่าเงินยูโรสามารถ Break ขึ้นมาเหนือระดับ 1.1680 ดอลลาร์/ยูโร และ 1.1700 ดอลลาร์/ยูโร ก็มีโอกาสเห็นค่าเงินยูโรกลับทดสอบระดับเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci Retracement 61.8% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมเมื่อ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมาบริเวณ 1.1720 ดอลลาร์/ยูโร
· ค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์วันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางจีน (PBoC) ส่งสัญญาณจะรักษาค่าเงินหยวนให้มีเสถียรภาพ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯที่ยังเป็นปัจจัยหลักที่เข้ากดดันตลาดหุ้น โดยค่าเงินหยวนเมื่อวานนี้อ่อนค่าลงไปมากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยร่วงลงไป 3.3% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่วันจันทร์ที่ผ่านมาปรับตัวลงต่อ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นและค่าเงินหยวนประสบภาวะผันผวนก่อนวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐฯจะประกาศแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นมูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านเหรียญ โดยที่ทางจีนก็จะทำการตอบโต้นโยบายดังกล่าวด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯเช่นกัน
· โฆษกประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะขึ้นกล่าวในที่ประชุมของกลุ่ม NATO ที่จะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์หน้า โดยจะกล่าวว่า “สหรัฐฯไม่ใช่กระปุกออมสินสำหรับประเทศใดๆในโลก” เพื่อป้องกันผลประโยชน์ของสหรัฐฯเอง เนื่องจากในอดีตสหรัฐฯมักถูกบรรดาประเทศพันธมิตรมองเช่นนั้น นอกจากนี้ นายทรัมป์จะกล่าวกดดันให้สมาชิกในกลุ่ม NATO เร่งเพิ่มงบประมาณทางการทหารอีกด้วย
· ตัวแทนจากรัฐบาลจีนกำลังเรียกร้องขอความร่วมมือจากสหภาพยุโรปให้ร่วมกันต่อต้านนโยบายการค้าของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนหน้าการประชุมระหว่างจีนและยุโรปที่จะเกิดขึ้นภายในกรุงปักกิ่ง ของประเทศจีน ในวันที่ 16-17 เดือนนี้ แต่ดูเหมือนทางสหภาพยุโรปจะยังคงตอบปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว
ทั้งนี้ ตัวแทนจากสหภาพยุโรปและรัฐบาลจีนที่ประกอบไปด้วยนายหลิว อี้ รองนายกรัฐมนตรีจีน และนายหวัง อี้ เอกอัครราชทูตจีน ได้เรียกร้องขอความร่วมมือจากตัวแทนของยุโรป เพื่อเปิดกว้างตลาดจีนให้กับทั่วโลก รวมถึงต่อต้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
· กิจกรรมภาคธุรกิจยูโรโซนปรับตัวขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนที่ผ่านมา แต่ภาคบริษัทก็ดูจะไม่สดใสมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2016 และดูจะมีความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะเห็นการรีบาวน์ขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่านี้
สถาบันจัดอันดับ IHS Markit’s Final Composite (PMI) บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจยูโรโซนขยายตัวได้ 54.9 จุดในเดือนมิ.ย. โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 54.1 จุดในเดือนก่อนหน้า แต่ดัชนีชี้วัดผลผลิตอนาคตของภาคธุรกิจดูจะอ่อนตัวลงที่ระดับ 63.4 จุด จากระดับ 63.7 จุด และถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พ.ย. ปี 2016
อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นของข้อมูลล่าสุด มาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และอาจจะทำให้อีซีบีอาจพิจารณายกเลิกการเข้าซื้อพันธบัตรได้ในช่วงสิ้นปีนี้
· รายงานจาก Reuters เปิดเผยว่า นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นมูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านเหรียญ จะมีผลบังคับใช้ตอนเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 6 ก.ค. ตามเวลากรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งเท่ากับเวลาประมาณ 5 ทุ่มของคืนวันพฤหัสบดีที่ 5 ก.ค. ตามเวลาประเทศไทยที่ช้ากว่า 1 ช.ม.
· นายยูกาตะ ฮาราดะ สมาชิกบอร์ดบริหารของบีโอเจ กล่าวเตือนว่าหากทางธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป อาจส่งผลกระทบในทางลบอย่างรุนแรงต่อสถาบันการเงินในญี่ปุ่น จึงช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ว่าบีโอเจจะยังไม่พิจาณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ บีโอเจยังจำเป็นต้องคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษเอาไว้ เพื่อสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศสามารถขยายตัวสู่ระดับเป้าหมายของบีโอเจที่ 2% ได้ การเปลี่ยนไปใช้นโยบายคุมเข้มการเงินในตอนนี้ อาจทำให้เศรษฐกิจสูญเสียทิศทางการขยายตัวได้อีกด้วย
· กิจกรรมภาคบริการของประเทศญี่ปุ่นขยายตัวได้ในเดือน มิ.ย. ท่ามกลางปริมาณคำสั่งซื้อใหม่ที่ขยายตัวด้วยอัตราที่เร็วยิ่งขึ้น บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะสามารถขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 2/2018ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคบริการของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย. ขยายตัวสู่ระดับ 51.4 จุด เทียบกับระดับ 51.0 จุด ในเดือน พ.ค. ขณะที่ดัชนี PMI ที่รวมทั้งภาคบริการและอุตสาหกรรมขยายตัวสู่ระดับ 52.1 จุด จากเดิทที่ 51.7 จุด
· ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นตามรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯดูจะตึงตัว ท่ามกลางการปรับตัวลดลงของ Syncrude Canada ในรัฐอัลเบอร์ต้า โดยน้ำมันดิบ WTI ปรับข้น 46 เซนต์ คิดเป็น +0.6% ที่ระดับ 74.6 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 34 เซนต์ คิดเป็น +0.4% ที่ระดับ 78.1 เหรียญ/บาร์เรล