รายงานจาก Financial Times ระบุว่า บรรดาเจ้าหน้าประจำสหภาพยุโรปหรืออียู อาจกำลังพิจารณาจัดการประชุมขึ้นระหว่างประเทศผู้ส่งออกรถยนตร์รายใหญ่ เพื่อป้องกันการเกิดสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบ
โดยรายงานได้อ้างถึงนักการทูตจำนวน 3 คนของอียูที่ไม่ได้ระบุนาม ที่ออกมาเปิดเผยว่า อียูกำลังศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันร่างสัญญาทางการค้าขึ้นมาระหว่างผู้ส่งออกรถยนตร์รายใหญ่อย่างสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งหากสามารถดำเนินการเช่นนั้นได้ จะช่วยลดการร้องเรียนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อ้างว่าการส่งออกรถยนตร์ของสหรัฐฯ ไม่ได้รับยุติธรรมลงไปได้ รวมถึงเป็นการช่วยลดต้นทุนการส่งออกของประเทศอื่นๆได้อีกด้วย
“ในร่างสัญญาทางการค้าดังกล่าว หากสามารถดำเนินการได้จริง ประเทศที่เข้าร่วมการประชุมจะสามารถกำหนดระดับภาษีนำเข้าในระดับที่ทุกๆฝ่ายสามารถยอมรับได้สำหรับกลุ่มสินค้าที่กำหนด ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของข้อตกลงทางการค้าระหว่างหลายฝ่าย (Plurilateral agreement) ที่ไม่จำเป็นต้องรวมประเทศสมาชิกทั้งหมดในองค์การการค้าโลกได้”
เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา นายทรัมป์ได้ข่มขู่จะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป ส่งผลให้หุ้นของธุรกิจรถยนต์ในยุโรปปรับร่วงลงมาอย่างหนัก และเขายังเรียกร้องให้ยุโรปยกเลิกภาษีนำเข้าสำหรับรถยนต์ของสหรัฐฯ ไม่เช่นนั้น สหรัฐฯก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะขึ้นภาษีตอบโต้ โดยในปัจจุบัน ยุโรปกำหนดระดับภาษีนำเข้ารถยนตร์จากสหรัฐฯอยู่ที่ระดับ 10% ขณะที่ทางสหรัฐฯกำหนดไว้ที่ 2.5% สำหรับรถยนต์จากยุโรป
ที่มา: CNBC