· นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ได้เดินทางไปยังเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และภายหลังจากที่นายไมค์เจรจาเสร็จและเดินทางกลับสหรัฐฯ ทางเกาหลีเหนือได้ออกมากล่าวตำหนิท่าทีในการเจรจาของนายไมค์ว่าข้อเรียกร้องเหมือนกับอันธพาล
· บีโอเจคงคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจทั้ง 9 ภูมิภาคในประเทศไว้ในระดับแข็งแกร่ง พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถขยายตัวสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ได้ จึงเป็นสัญญาณว่าบีโอเจจะยังคงนโยบายการเงินเอาไว้ดังเดิมในช่วงนี้
· นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีท่าทีเปรียบเสมือนอันธพาลในการเจรจาร่วมกับตัวแทนจากเกาหลีเหนือตามที่ถูกเกาหลีเหนือกล่าวหาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่อย่างใด ขณะที่กล่าวยืนยันกับรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ว่าเขาจะเดินหน้าเจรจาเพื่อให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ต่อไป
· รายงานจาก FX Street ระบุว่า นายมาริโอ ดรากี้ ประธานธนาคารกลางยุโรป หรืออิซีบี มีกำหนดการจะขึ้นให้การต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและการเงินประจำสหภาพยุโรป เกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจ และการดำเนินนโยบายการเงินของอีซีบี ในคืนนี้เวลา 20.00 น. และ 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรมีโอกาสผันผวนระหว่างการให้การของนายดรากี้ รวมถึงมีโอกาสที่จะมีแรงเข้าซื้อเพิ่มขึ้นหากนายดรากี้ให้การไปในเชิงคุมเข้มทางการเงิน
· นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี มีแนวโน้มจะปรากฎตัวเพื่อกล่าวถ้อยแถลงต่อรัฐสภายุโรปวันนี้ โดยสมาชิกอีซีบีได้เคยกล่าวไว้ว่าภาวะตึงเครียดทางการค้าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามแผนที่อีซีบีวางไว้ในการประชุมเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่นายดรากี้ในคืนนี้ คาดว่าจะยังคงถ้อยแถลงคล้ายเดิม โดยที่จะคงระดับดอกเบี้ยจนถึงช่วงฤดูร้อนของปี 2019 แต่สิ่งที่ตลาดสนใจคือจะมีการหารือต่อประเด็นดังกล่าวหรือไม่ในการประชุมเดือนก.ย. หรือไม่
· ค่าเงินยูโรสัปดาห์ที่แล้วฟื้นตัวกลับมายืนเหนรือแนวต้าน 1.1720 - 1.1725 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ลงไปทดสอบ 1.15 ดอลลาร์/ยูโร จึงทำให้ภาพการเคลื่อนไหวของงค่าเงินยูโรขณะนี้เป้นทิศทางขาขึ้น ขณะที่สัปดาห์นี้ หากค่าเงินยูโรปิดเหนือแนวต้าน 1.1753 ดอลลาร์/ยูโร ก็มีโอกาสกลับขึ้นมาทดสอบระดับเส้น Fibonacci Retracement 23.6% บริเวณ 1.2555 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่แนวรับจะอยู่ที่ 1.1508 ดอลลาร์/ยโร ซึ่งหากร่วงกลับลงมาแนวรับก็มีโอกาสทำลายภาพแข็งค่าที่่ทำไว้ตั้งแต่เดือนม.ค. ปีที่แล้ว
· นักวิเคราะห์จากสถาบัน CMC ประเมินว่า เหล่าเทรดเดอร์จะให้ความสำคัญไปยังถ้อยแถลงของนายดรากี้ในคืนนี้ เนื่องจากอาจมีการให้สัญญาณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินได้ โดยในเดือนที่ผ่านมา อีซีบีประกาศลดการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงปลายปี 2018 นี้ และยังส่งสัญญาณว่าอีซีบีจะยังไม่ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2019 ขณะที่คาดการณ์ของตลาดส่วนใหญ่ยังค่อนข้างผสมผสาน ดังนั้น ถ้อยแถลงของนายดรากี้จะสามารถระบุได้ถึงแนวโน้มในอนาคตของอีซีบีได้
· ราคาน้ำมันค่อนข้างทรงตัวท่ามกลางแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่อาจทำให้ปริมาณการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความสมดุลกับภาวะอุปทานที่ตึงตัว
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มขึ้น 40 เซนต์ บริเวณ 77.51 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 10 เซนต์ บริเวณ 73.70 เหรียญ/บาร์เรล
· Tom Kloza จากสถาบัน Oil Price Information Service ประเมินว่าราคาน้ำมันมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นได้อีก 10% ในช่วงครั้งหลังของปี 2018 ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อบรรดาผู้บริโภคน้ำมัน
โดยรายงานจากสถาบันประเมินโอกาส 50/50 ที่ราคาน้ำมันจะเพิ่มราคาขึ้นเป็น 3 เหรียญ/แกลลอน หรือสูงกว่าในช่วงขึ้นหลังของปี 2018 โดยอ้างว่าพายุเฮอริเคนที่จะเข้าโจมตีบริเวณคาบสมุทรต่างๆ มีแนวโน้มที่จะกลายปัจจัยหนุนราคามากกว่าความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ
· ทีมนักวิเคราะห์จาก Investing คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มจะกลับตัวในระยะสั้น ซึ่งอาจจะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่นักลงทุนอาจจะเข้าซื้อได้ โดยการเคลื่อนไหวมีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในตลาดต่างประเทศ ไปจนถึงทิศทางของอุปสงค์และอุปทานตลอดจนสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่าราคาน้ำมันได้เคลื่อนไหวเข้าใกล้แนวต้าน และทรงตัวในระดับสูงได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นการสะสมพลังที่จะเคลื่อนไหวต่ำลงในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น จึงคาดว่าราคาน้ำมันจะเผชิญแรงกดดันบริเวณ 74-75 เหรียญ ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหวลดลง