• จีนพยายามขยายตลาดสู่ยุโรปมากขึ้น หลังสหรัฐฯประกาศขึ้นภาษี

    10 กรกฎาคม 2561 | Economic News
 

รัฐบาลจีนกำลังดำเนินการเจรจากับสหภาพยุโรปเพื่อขยายตลาดจีนและยุโรปให้เชื่อมต่อกันมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่กำลังเกิดขึ้น

นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เดินทางไปพบกับบรรดาผู้นำประเทศในสหภาพยุโรป ณ เมืองโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และให้สัญญากับบรรดาผู้นำว่าจีนจะเปิดกว้างตลาดออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น นอกจากนี้นายเค่อเฉียง ยังได้พบกับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รวมถึงจีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกันระหว่างจีน-ยุโรป ภายในสัปดาห์หน้าอีกด้วย

“การเปิดกว้างตลาดจีนเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจหลักของรัฐบาลจีนชุดปัจจุบัน ดังนั้น เราจะเดินหน้าเปิดกว้างตลาดจีนออกสู่ตลาดโลก เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในประเทศจีนได้มากยิ่งขึ้น” นายเค่อเฉียงกล่าว “จีนยินดีต้อนรับนานาประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์โอกาสทางเศรษฐกิจร่วมกัน”

การพบกันระหว่างนายเค่อเฉียงและผู้นำประเทศในยุโรป เกิดขึ้นหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นมูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านเหรียญ มีผลบังคับใช้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ทางจีนก็ตอบโต้ด้วยนโยบายขึ้นภาษีที่มีมูลค่าเท่าเทียมกัน แต่ทางนายทรัมป์ก็ยังมีแผนจะขึ้นภาษีจีนเพิ่มอีก 5 แสนล้านเหรียญ เนื่องจากเขาเชื่อว่าการเพิ่มภาษีจากจีนจะสามารถลดภาวะขาดดุลทางการค้าที่สหรัฐฯมีต่อจีนได้

ทางรัฐบาลจีนได้มีการเพิ่มการลงทุนเข้ามายังบรรดาประเทศในยุโรป เกี่ยวกับด้านถนน ทางด่วน และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ มาตลอด

สำหรับด้านการค้าขายระหว่างจีน-ยุโรป จีนถือได้ว่าเป็นแหล่งสินค้านำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป และตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสอง โดยมีมูลค่าการค้าขายเฉลี่ยวันละ 1.18 พันล้านเหรียญ

รองประธานสหภาพยุโรปได้ออกมายืนยันกับทาง CNBC ด้วยตัวเองว่ายุโรปและจีนกำลังเดินหน้าสร้างสนธิสัญญาด้านการลงทุนร่วมกันจริง

 

นักวิเคราะห์ไม่เชื่อว่าจีน-ยุโรปจะหาข้อตกลงร่วมกันได้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทั้งจีนและสหภาพยุโรปกำลังพยายามขยายตลาดเข้าหากันมากขึ้น บรรดานักวิเคราะห์จากหลายๆสำนักก็ยังคงไม่เชื่อมั่นว่าทั้สองฝ่ายจะสามารถหาข้อตกลงสำคัญร่วมกันได้

นักวิเคราะห์จาก Tressis Gestion กล่าวว่า “จีนและยุโรปอาจสามารถข้อตกลงร่วมกันในหัวข้อย่อยได้ แต่นั่นไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาภายในของทั้งสองได้เลย เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างมีภาคอุตสาหกรรมขนาดมหึมาที่จำเป็นจะต้องส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯที่สามารถรองรับได้ รวมถึงไม่ฝ่ายใดแสดงความประสงค์ที่จะลดขนาดของอุตสาหกรรมของตัวเองลงแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของทั้งสอง”

นักวิเคราะห์จาก Fasanara Capital ชี้ถึงความแตกต่างทางด้านมุมมองในบรรดาประเทศสมาชิกทั้ง 28 ประเทศในสหภาพยุโรป ที่อาจกลายเป็นปัจจัยกดดันทำให้จีนและยุโรปไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

“ในขณะที่ทางการจีนดูจะมีความเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน แต่ทางสหภาพยุโรปยังคงความแตกแยกภายในอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นด้านนโยบายการบริหารประเทศ รวมถึงการที่สหรัฐฯข่มขู่ว่าจะพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป ก็เป็นปัจจัยทำให้ความขัดแย้งภายในสหภาพยุโรปขยายตัวยิ่งขึ้น” นักวิเคราะห์กล่าว

“ทั้งนี้ เราคาดว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ทางการจีนและสหภาพยุโรปจะเริ่มต้นแลกเปลี่ยนสิทธิการเข้าถึงตลาดของแต่ละฝ่าย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีสัญญาณดังกล่าวการประชุมจีน-ยุโรปที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า”


ที่มาCNBC

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com