ราคาทองคำตลาดโลกขยับขึ้น 0.2% ที่ระดับ 1,259.3 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค.ทรงตัวเท่าเดิมบริเวณ 1,259.9 เหรียญ
• นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารกลางออสเตรเลีย กล่าวว่า การแข็งค่าของค่าเงินหยวนได้เข้ากดดันทำให้ดอลลาร์นั้นกลับมาอ่อนค่า ขณะที่ประเด็นทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นความไม่มั่นใจต่อกรณี Brexit ทีจะส่งผลให้อังกฤษออกจากอียู ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯแสดงความคิดที่ว่า จีนน่าจะมีการแทรกแซงการปลดอาวุธนิวเคียร์ของเกาหลีเหนือ จึงทำให้ราคาทองคำได้รับอานิสงสศ์บางส่วน
• รายงานจาก CFTC ระบุว่า บรรดาเฮดจ์ฟันด์ และกลุ่มผู้จัดการการลงทุนส่วนใหญ่มีการปรับเพิ่มสถานะ Long ของทองคำในตลาด CMEX เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ระดับ 4,921.24 คู่สัญญา ขณะที่ซิลเวอร์มีผู้เปิดสถานะ Long สุทธิ 11,515 คู่สัญญา สู่ระดับ 10,651 คู่สัญญา
• ซิลเวอร์ขยับขึ้น 0.4% ที่ระดับ 16.14 เหรียญ ทางด้านราคาแพลทินัมปรับขึ้น 0.6% ที่ระดับ 851.9 เหรียญ และราคาพลาเดียมปรับลง 0.1% ที่ 959.5 เหรียญ
• ราคาทองคำได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์
ประเด็นแรกที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน จึงทำให้มีปริมาณสินทรัพย์ Safe-Haven ปรับตัวขึ้น ขณะที่น้ำมันได้รับประโยชน์จากความกังวลด้านอุปทานน้ำมัน
Marketpulse ระบุว่า ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่ทรงตัวในระดับแข็งค่ามาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเดือนมิ.ย. จึงทำให้ราคารีบาวน์กลับมาบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci 38.2% มาทรงตัวในกรอบ 1,257.513 เหรียญ
ขณะที่รายงาน Commitment of Traders ประจำชิคาโก แสดงให้เห็นว่า บรรดากลุ่มผู้จัดการกองทุนมีการขายทองคำสุทธิ 1,230 คู่สัญญา
• นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Kitco ชี้ว่า ภาพทางเทคนิคของราคาทองคำระยะสั้นดูจะกลับเป็นขาขึ้นได้สั้นๆ ขณะที่ระดับวันดูจะยังเป็นขาลง ซึ่งทองคำจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ต้องฝ่ามายืนเหนือแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,275 เหรียญได้ ในทางกลับกันหากทองคำหลุดแนวรับกลับมาปิดต่ำกว่าแนวรับถัดไปบริเวณ 1,230 เหรียญ ก็จะยืนยันภาวะขาลงของทองคำอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น จึงวิเคราะห์ว่า วันนี้แนวรับสำคัญของทองคำจะอยุู่ที่ 1,255.7 เหรียญ และ 1,250 เหรียญตามลำดับ ขณะที่แนวต้านจะอยู่บริเวณ 1,266. เหรียญ และ 1,270 เหรียญตามลำดับ