• ค่าเงินปอนด์อังกฤษรีบาวน์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3272 ปอนด์/ดอลลาร์ จากที่ก่อนหน้านี้อ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดที่ 1.3189 ปอนด์/ดอลลาร์ หลังจากการประชุมของนายกรัฐมนตรีอังกฤษสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แม้จะยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของอังกฤษ หลังรัฐมนตรีประกาศไปถึง 2 คนก็ตาม
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% บริเวณ 111.08 เยน/ดอลลาร์ โดยเป็นการแข็งค่าเหนือระดับ 111 เยน/ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และยังเคลื่อนไหวเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน
ด้านดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาบริเวณ 94.230 จุด หลังจากที่อ่อนค่าลงไปบริเวณ 93.711 จุด ที่เป็นระดับต่ำสุดของเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
• ข้อมูลเศรษฐกิจในส่วนภาคการผลิตและจีดีพีของอังกฤษที่สะท้อนถึงการฟื้นตัว ประกอบกับถ้อยแถลงของนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการบีโออีได้เพิ่มกระแสคาดการณ์ให้แก่นักลงทุนในตลาดว่ามีโอกาสเห็นบีโออีขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนส.ค.กว่า 70% จากเดิมที่มองโอกาสไว้ที่ 50% ในสัปดาห์ก่อนหน้า
• ค่าเงินปอนด์มีโอกาสอ่อนค่าต่อ!?
นอกจากสภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
นักวิเคราะห์จาก Trading View ก็มีมุมมองว่าภาพของค่าเงินปอนด์ต่อดอลลาร์ (GBPUSD) กำลังฟอร์มตัวเป็น Harmonic Pattern ในรูปแบบ Bearish Cypher ในภาพระดับราย 4 ชม. ขณะที่ Oscillators ส่งสัญญาณ Overbought
จึงแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะขายบริเวณ 1.33525 ดอลลาร์/ปอนด์์
มีจุด Stop Loss บริเวณ 1.34020 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่เป้าหมายทำกำไรจะอยู่ที่ 1.32662 และ 1.31544 ดอลลาร์/ปอนด์ ตามลำดับ
• รัฐบาลจีนกำลังดำเนินการเจรจากับสหภาพยุโรปเพื่อขยายตลาดจีนและยุโรปให้เชื่อมต่อกันมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่กำลังเกิดขึ้น
นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เดินทางไปพบกับบรรดาผู้นำประเทศในสหภาพยุโรป ณ เมืองโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และให้สัญญากับบรรดาผู้นำว่าจีนจะเปิดกว้างตลาดออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น นอกจากนี้นายเค่อเฉียง ยังได้พบกับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รวมถึงจีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกันระหว่างจีน-ยุโรป ภายในสัปดาห์หน้าอีกด้วย
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศจัดการประชุมฉุกเฉินขึ้นในวันนี้ หลังรัฐบาลอังกฤษเข้าสู่ภาวะวุ่นวายจากการประกาศลาออกของรัฐมนตรีตำแหน่งสำคัญถึง 2 คน เพื่อประท้วงนายกรัฐมนตรี จากความขัดแย้งเกี่ยวกับการดำเนินนโยบาย Brexit ของเธอ
อย่างไรก็ตาม การประชุมดูจะสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นสำหรับนางเมย์ แม้เธอจะมีความกังวลว่าความขัดแย้งภายพรรคอาจเป็นการสร้างโอกาสให้นายเจเรมี่ โคบลิน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ขึ้นมามีอำนาจแทนได้
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอชื่อ Brett Kavanaugh สำหรับตำแหน่งสำคัญในศาลสูงสุดแห่งสหรัฐฯ เพื่อเป็นการเพิ่มพรรคพวกฝ่ายเดียวกันในระบบยุติธรรมภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มที่จะเกิดเสียงคัดค้านภายในวุฒิสภาท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของบรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครต
• รัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์ยื่นเรื่ององค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อฟ้องร้องนโยบายขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ ซึ่งสวิสเซอร์แลนด์เป็นสมาชิกอันดับที่ 8 ที่ได้ยื่นเรื่องต่อ WTO
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯจะมีระยะเวลา 60 วันสำหรับการแก้ไขข้อพิพาทร่วมกับสวิสเซอร์แลนด์ ถ้าหากพ้นกำหนดไป รัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์จะมีอำนาจกำหนดให้ WTO แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตัดสินความยุติธรรมของนโยบายภาษีดังกล่าวได้
• รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศแต่งตั้ง นายโทชิฮิเดะ เอนโด ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการประจำสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะได้เห็นนายเอนโด ดำเนินการปฏิรูปภาคการเงินของประเทศสานต่อจากกรรมาธิการคนก่อน
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการขาดแคลนอุปทานที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่คนงานจำนวนร้อยคนในประเทศนอร์เวย์มีการประท้วงนัดหยุดงานในวันนี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่ม 0.7% ที่ระดับ 78.62 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มสูงขึ้น 0.7% เช่นเดียวกัน ที่บริเวณ 74.32 ้เหรียญ/บาร์เรล