• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนท่ามกลางตลาดที่มีความกังวลTrade War ควบคู่กับรายงานเงินเฟ้อที่ดูมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น และจะส่งผลให้เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งในปีนี้จากทิศทางเศรษฐกิจที่สดใส
• นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า แม้การจ้างงานจะชะลอตัวลงไปบ้าง แต่ภาพรวมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯก็ยังมีความแข็งแกร่ง ประกอบกับราคาบ้านกับราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น และยังไม่มีความเสี่ยงที่จะสร้างความเสี่ยงให้แก่ระบบการเงิน
• ค่าเงินเยน Break แนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 112 เยน/ดอลลาร์ขึ้นมาได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเมื่อคืนนี้อ่อนค่าขึ้นไป 1.3% ที่ระดับ 112.17 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน และส่งผลให้นักกลยุทธ์ค่าเงินบางส่วนมองกว่า ค่าเงินดอลลาร์จะยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าโดยปราศจากการคำนึงถึงประเด็น Trade War และดูเหมือนว่าค่าเงินเยนและดอลลาร์จะกลายมาเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในการลงทุน แต่การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนนั้น เป็นผลสะท้อนมาจากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ดูจะสดใสมากกว่าที่กลุ่มนักลงทุนจะมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
• ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วน ให้ความเห็นว่า กลุ่มนักลงทุนที่เฝ้ามอง Trade War กำลังมีความคิดที่ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ควรจะกังวล
• ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นอีก 0.7% ที่ระดับ 94.77 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรยังคงทรงตัวแถว 1.17 ดอลลาร์/ยูโร จากกระแสข่าวที่มองว่าอีซีบีมีโอกาสจะขึ้นดอกเบี้ย
• เมื่อวานนี้ จีนกล่าวตำหนิสหรัฐฯพร้อมกล่าวเตือนว่าจะทำการตอบโต้กลับ หลับจากทีมบริหารของนายทรัมป์มีแผนจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% ที่ระดับ 2 แสนล้านเหรียญ
• ในการประชุม NATO วันที่ 2 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะยังคงกดดันให้ประเทศสมาชิกเพิ่มงบประมาณทางการทหาร และให้ความสำคัญกับการยุติสงครามในอัฟกานิสถานที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน
• บรรดาผู้นำประเทศในกลุ่ม NATO แสดงความประสงค์ให้ทุกๆประเทศคงแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือต่อไป ด้วยการปฏิบัติตามนโยบายคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ เพื่อกดดันให้เกาหลีเหนือทำการปลดอาวุธไม่ว่าจะเป็นอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมี หรืออาวุธชีวภาพ โดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ดี บรรดาประเทศสมาชิกยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ได้ยืนยันว่าประเทศสมาชิกจะเฝ้าจับตาอิหร่านให้สามารถมั่นใจได้ว่าโครงนิวเคลียร์ของพวกเขายังมีจุดมุ่งหมายเพื่อสันติภาพอยู่
• บรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตแห่งสหรัฐฯพยายามหลีกเลี่ยงที่จะทำการลงมติเกี่ยวกับผู้ที่จะมารับตำแหน่งในศาลสูงสุดแห่งสหรัฐฯ ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้เสนอชื่อ โดยเน้นย้ำให้ทำการลงมติเกี่ยวกับนโยบายประกันสุขภาพเป็นอันดับแรกเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม พรรคเดโมแครตดูมีแนวโน้มในระดับต่ำที่จะสามารถกีดกันไม่ให้นายเบ็ทท์ คาวานอท (Brett Kavanaugh) ได้รับตำแหน่งในศาลสูงสุดเนื่องจากพรรครีพับลิกันมีสมาชิกในรัฐสภาจำนวนมากกว่าที่ 51-49 ที่นั่ง
• รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเม็กซิโก ระบุว่า การประชุมครั้งต่อไปของข้อตกลง NAFTA มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นที่สหรัฐฯในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมเปิดเผยแผนการดำเนินงานใหม่ภายในคืนนี้ ซึ่งเกี่ยวกับนโยบาย “Brexit” ที่บรรดาสมาชิกพรรคของเธอระบุว่าเป็นแผน Brexit ที่ “มีจริยธรรมและนำไปใช้จริงได้” สำหรับการเปิดค้าเสรีของอังกฤษหลังถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป
• ราคาน้ำมันดิบ Brent ร่วงลงระดับวันมากที่สุดในรอบ 2 ปี โดยปิดลดลง 5.46 เหรียญ คิดเป็น -6.9% ที่ระดับ 73.4 เหรียญ ซึ่งเป็นอัตราการร่วงลงรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่ 9 ก.พ. ปี 2016 ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ดูจะคุกคามต่ออุปสงค์น้ำมัน ประกอบกับข่าวที่ว่าลิเบียจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งจึงเพิ่มกระแสคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะขยายตัวขึ้น ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 3.73 เหรียญ คิดเป็น -5% ที่ระดับ 70.38 เหรียญ/บาร์เรล
• เมื่อวานนี้ รายงานจากกลุ่มโอเปกคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันดิบโลกจะปรับลดลงในปีหน้า ท่ามกลางการอุปโภคบริโภคที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น และการแข่งขันผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น จึงอาจทำให้ตลาดกลับมาเผชิญกับภาวะอุปทานระดับสูง แม้ว่ากลุ่มโอเปกจะยังคงข้อตกลงเพื่อปรับลดกำลังการผลิตก็ตาม