· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 224.44 จุด คิดเป็น +0.91% ที่ระดับ 24,924.89 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดปรับขึ้น 24.27 จุด หรือคิดเป็น +0.87% ที่ระดับ 2,798.26 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 107.31 จุด คิดเป็น +1.39% ที่ระดับ 7,823.92 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นท่ามกลางหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำที่ปรับขึ้นเกินคาด ประกอบกับหุ้นภาคอุตสาหกรรมมีการรีบาวน์หลังจากที่ร่วงลงไปจากความกังวลทางการค้าเมื่อวันก่อน
· สำหรับวันนี้ ตลาดจับตารายงานผลประกอบการของกลุ่มภาคธนาคารรายใหญ่สหรัฐฯ โดยรวมถึง JPMorgan Chase, ที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของภาคการเงินและบริษัทต่างๆในหุ้น S&P500 จะออกมาดีและขยายตัวได้ 21%
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับขึ้นตามการรีบาวน์ของหุ้นสหรัฐฯ จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เมื่อวานนี้ทำ All-Time Highs และตลาดปราศจากความตึงเครียดเพิ่มขึ้นใดๆจาก Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน
ดัชนีนิกเกิอเปิด +1.35% เพราะได้รับอานิสงส์จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นในเช้านี้ ขณะที่หุ้น Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.85%
· นักบริหารเงิน คาดเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.20-33.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เมื่อวานนี้ เงินบาทกลับมาแข็งค่าจากช่วงเช้า หลังผู้ว่า ธปท.ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องการดูแลค่าเงินบาท
· นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจงกรณีทุนสำรองระหว่างประเทศในช่วงนี้ลดลง ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าถูกนำไปใช้ในการดูแลค่าเงินบาทว่า เป็นนโยบายของ ธปท.อยู่แล้วที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ หากเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วจนเกินไป จนส่งผลกระทบต่อตลาดหรือธุรกิจ ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาทุนสำรองระหว่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เพราะ ธปท.ได้เข้าไปดูแลอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง