• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 กรกฎาคม 2561

    13 กรกฎาคม 2561 | Economic News





·         ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 6 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน และแตะระดับสูงสุดรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินสวิสฟรังก์ โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเงินเฟ้อที่แข็งแกร่ง และความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ยังคงคาดว่าจะได้รับประโยชน์จาก Trade War ซึ่งดูเหมือนตอนนี้ค่าเงินดอลลาร์จะมารับบทเป็นสินทรัพย์ Safe Haven จากมุมมองด้านการลงทุนหรือนโยบายครั้งใหม่ โดยจะเห็นว่าสหรัฐฯมียอดขาดดุลทางการค้า และหากจะหาวิธีลดยอดขาดดุลดังกล่าว ก็ต้องใช้วิธีให้มีกระแสเงินไหลเข้ามา ซึ่งกระแสเงินที่ไหลกลับเข้ามามักจะเป็นบวกต่อค่าเงินดอลลาร์


ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนยังคงปรับแข็งค่าขึ้นในช่วง 7 วันทำการ และจะเห็นว่าค่าเงินเยนอ่อนกลับไปยืนเหนือ 112 เยน/ดอลลาร์ ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. ซึ่ง เมื่อวานนี้ค่าเงินเยนอ่อนค่าไปทำระดับสูงสุดที่ 112.62 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 6 เดือน และดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่ามาทรงตัวที่ 94.889 จุด


ขณะที่ค่าเงินยูโรต่อดอลลาร์ปรับอ่อค่าลงมาที่ 1.167 ดอลลาร์/ยูโร


อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ยังได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ดูจะยังเกื้อหนุนให้แรงกดดันเงินเฟ้อปรับขึ้นได้ ซึ่งอาจทำให้เฟดยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแผน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยหลักที่หนุนให้ดอลลาร์แข็งแกร่งตาม เนื่องจากจะเห็นได้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ที่ผ่านมายังส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่

 ·         นายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ  กล่าวว่า สหรัฐฯและจีนอาจเปิดหารือร่วมกันอีกครั้งในเรื่องทางการค้า แต่ทางการจีนต้องแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะร่วมดำเนินการให้กิดการเปลี่ยนแปลง

·         ทางการจีน เผยว่า การจัดการของภาคบริษัทต่างชาติในจีนจะได้รับผลกระทบจาก Trade War และเรียกร้องให้บริษัทสหรัฐฯที่ตั้งอยู่ในจีนทำการล็อบบี้รัฐบาลประเทศพวกเขาเองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ พร้อมกล่าวว่า จะไม่ทำการเจรจาเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น

 ·         นายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯ ประกาศว่าเขากำลังจะเทขายหุ้นทั้งหมด และหันเข้าซื้อพันธบัตรแทน ขณะที่รายงานจากสื่อในสหรับนได้ระบุว่า นายรอสถือครองหุ้นหรือเคยถือครองหุ้นของบริษัทที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ

 นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่านายรอสได้เปิดสถานะ Short ในหุ้น Air Lease และ Ocwen Financial Corporation ซึ่งเขาได้อ้างว่าเป็นเพียงการเทขายเพื่อทำกำไรเท่านั้น

·         ภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม NATO เมื่อวานนี้ บรรดาประเทศสมาชิกตกลงที่จะยอมรับข้อกำหนดในการเพิ่มงบประมาณฉบับใหม่ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า เขายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกเล็กๆ ในการซื้อขายอาวุธของสหรัฐฯ และยืนยันว่าสหรัฐฯจะเพิ่มงบประมาณทางการทหารให้กับกลุ่ม NATO แน่นอน

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวตำหนินางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในการพบกันระหว่างผู้นำทั้ง 2 เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนายทรัมป์ ระบุว่า แนวทางการดำเนินนโยบาย Brexit ของนางเมย์ อาจทำให้สหรัฐฯไม่สามารถก่อตั้งการค้าเสรีร่วมกับอังกฤษได้ เนื่องจากอังกฤษยังต้องการรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าร่วมกับสหภาพยุโรปหลังถอนตัวออกไป

·         รัฐบาลสหรัฐฯยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อองค์การสหประชาชาติ (U.N.) โดยระบุว่าเกาหลีเหนือได้นำเข้าน้ำมันผ่านทางการขนส่งทางเรือ ซึ่งเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของ U.N. และเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดการกระทำดังกล่าวโดยทันที

ทั้งนี้ จากข้อมูลวันที่ 30 พ.ค. สหรัฐฯตรวจสอบพบว่าเกาหลีเหนือมีการนำเข้าน้ำมันผ่านทางเรือรวมในปีนี้ทั้งหมด 89 ครั้ง


ทางด้านเกาหลีเหนือ ก็ยังคงไม่มีการออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของสหรัฐฯแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าเกาหลีเหนือจำเป็นต้องพึ่งพาน้ำมัน เพื่อให้เศรษฐกิจในประเทศสามารถดำเนินต่อไปได้


·         น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่ร่วงลงไปในวันก่อนหน้า โดยตลาดให้ความสำคัญกับความกังวลจาก EIA ที่เผยรายงานการระมัดระวังต่อการกักตุนอุปทานน้ำมันตลาดโลก หลังจากที่หลายๆประเทศมีการจำกัดกำลังการผลิต

 น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.05 เหรียญ ที่ระดับ 74.75 เหรียญ/บาร์เรล โดยรีบาวน์กลับขึ้นมาหลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดเมื่อวันพุธที่ 72.67 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 5 เซนต์ ที่ระดับ 70.33 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่วันก่อนหน้าปิดลดลงไปกว่า 5%

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com