• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 44.95 จุด คิดเป็น +0.18% ที่ระดับ 25,064.36 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดลดลง 2.88 จุด คิดเป็น -0.10% ที่ระดับ 2,798.43 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 20.26 จุด คิดเป็น -0.26% ที่ระดับ 7,805.72 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้น S&P500 ปิดลดลงตามการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบที่เข้ากดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงกลบการเพิ่มขึ้นของหุ้นภาคธนาคาร หลังจากที่ Bank of America ที่คาดการณ์ผลประกอบว่าจะออกมาแข็งแกร่ง
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดอ่อนตัวลงในเช้าวันนี้ ตามการปิดที่ผสมผสานกันของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ประกอบกับนักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับรายงานผลประกอบการ และการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ
ดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด +0.21% ซึ่งถึงแม้จะกลับมาเปิดทำการในแดนบวก แต่การปรับขึ้นก็เป็นไปอย่างจำกัดจากหุ้นกลุ่มเหมือง, น้ำมัน และสินค้าประเภทถ่านหินที่ปรับตัวลง
ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.27% โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่และหุ้นบริษัทซัมซุงที่ปิดลดลง 0.54%
• นักบริหารเงิน คาดเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.35 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ตามภูมิภาคและทิศทางตลาดโลก เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไร
• กระทรวงพาณิชย์ประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสงครามการค้า พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าการส่งออกไทยในปีนี้จะเติบโตได้เกินกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 8% อย่างแน่นอน และยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ในระดับ 2 หลัก
• สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) มีมติในการประชุม เมื่อวันที่ 12 ก.ค.61 ว่า ไม่ควรเลื่อนการบังคับใช้มาตรฐานรายงานทางการเงิน IFRS9 ออกไปอีก เนื่องจากอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งอาจกระทบถึงผลการประเมินภาพรวมการกำกับสถาบันการเงินของประเทศไทย