• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ลดการถือครองสถานะ Long ในค่าเงินดอลลาร์ และมีการปรับสถานะให้สมดุลก่อนทราบถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส โดยวันนี้เขาจะกล่าวต่อคณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐฯ และในวันพรุ่งนี้จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งเขามีแนวโน้มที่จะกล่าวย้ำถึงแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่หากเขามีการกล่าวถึงภาวะความตึงเครียดทางการค้า ก็อาจเห็นเขาแสดงมุมมองที่จะสะท้อนต่อแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยได้
ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย 0.2% ที่ระดับ 94.526 จุด หลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ ขณะที่ค่าเงินยูโรเมื่อวานนี้ปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ระดับ 1.1708 ดอลลาร์/ยูโร โดยภาพรวมจะเห็นว่าค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างโดดเด่นนับตั้งแต่ที่ขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ปี 2017 และจากรายงานสัปดาห์ที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่ามีการเข้าถือครองค่าเงินดอลลาร์กันมากขึ้น เป็น 4 สัปดาห์ติดที่นักลงทุนมีการเข้าถือสถานะ Long ในดอลลาร์ หลังจากที่ถือครองสถานะ Short ต่อเนื่องมา 48 สัปดาห์ ขณะที่กระแสคาดการณ์เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยได้สะท้อนถึงมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งมากกว่าประเทศอื่นๆ แม้ว่าจะมีข้อขัดแย้งทางการค้า
อย่างไรก็ดี เมื่อคืนนี้ ข้อมูลยอดค้าปลีกก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์ไม่ปรับอ่อนค่าลงไปมากนัก เนื่องจากข้อมูลล่าสุดมีการสะท้อนถึงภาวะการเข้าซื้อของภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มยานยนต์และสินค้าอื่นๆ จึงเป็นอีกปัจจัยที่สะท้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯในไตรมาสที่ 2 นี้
• นายนีล คาชคาริ ประธานเฟดสาขามินิแอโปลิส กล่าวว่า เฟดไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปมากกว่านี้ เนื่องจากอาจเป็นการกดดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจเสียเอง โดยวิเคราะห์ได้จากจากช่องว่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะสั้นที่ค่อนข้างแคบ ประกอบกับ Yield Curve ที่ทรงตัวในปัจจุบัน จึงบ่งชี้ว่าระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ใกล้เคียงระดับ Neutral
• สหรัฐฯยื่นเรื่องฟ้องร้องการขึ้นภาษีตอบโต้จากจีน สหภาพยุโรป แคนาดา เม็กซิโก และตุรกี ให้กับองค์การการค้าโลก (WTO) หลังจากสหรัฐฯได้ประกาศนโยบายขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียม โดยนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ ได้ระบุว่า นโยบายภาษีตอบโต้จากทั้ง 5 ประเทศ มีมูลค่ารวมกันกว่า 2.85 หมื่นล้านเหรียญจากมูลค่าส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งผิดกับข้อตกลงของ WTO
• การประชุมสุดยอดระหว่างจีนและยุโรปเมื่อวานนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมกันปกป้องรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยระหว่างประเทศโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ ตลอดจนส่งเสริมแนวคิดพหุภาคีนิยม และสนับสนุนการค้าเสรี
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะกล่าวหานายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2016 ที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือรัสเซีย ส่งผลให้เกิดความไม่พึงพอใจต่อเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯที่กำลังดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
ในทางกลับกัน นายทรัมป์ได้ระบุว่าเป็นความโง่เขลาของรัฐสภาและเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯเอง ที่ดำเนินการสืบสวนในกรณีแทรกแซงการเลือกตั้ง
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยังได้รับเสียงสนับสนุนในรัฐสภามากเพียงพอที่จะทำให้เธอสามรถดำเนินนโยบาย Brexit ต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังคงมีสมาชิกบางส่วนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างใกล้ชิดกับสหภาพยุโรปเอาไว้หลังการถอนตัวของอังกฤษ จึงอาจส่งให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายในรัฐสภาซึ่งอาจทำให้การเจรจาร่วมกับสหภาพยุโรปดำเนินการได้อย่างยากลำบาก
• น้ำมันดิบปิดร่วงลงกว่า 4% ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปิดแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ระดับ 71.84 เหรียญ/บาร์เรล หรือลดลง 3.49 เหรียญ คิดเป็น -4.63% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิด -4.15% หรือลดลง 2.95 เหรียญ ที่ระดับ 68.06 เหรียญ/บาร์เรล ท่ามกลางตลาดที่กังวลต่อการกลับมาเปิดทำการผลิตน้ำมันอีกครั้งของประเทศลิเบีย ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์มองความเป็นไปได้ที่จะเห็นอุปทานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากรัสเซียและประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ