• ดัชนีดาวโจนส์ปิดแดนบวกติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยเมื่อคืนนี้ปิดปรับขึ้น 79.4 จุด คิดเป็น +0.32% ที่ระดับ 25,199.29 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 เดือน ที่ระดับ 2,815.62 จุด หรือเพิ่มขึ้น 6.07 จุด คิดเป็น +0.22% โดยดัชนีหลักทั้งสองตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดแดนบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งที่ช่วยหนุนให้หุ้นภาคการเงินและอุตสาหกรรมปรับแข็งค่าขึ้น ประกอบกับมุมมองคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ที่น่าจะออกมาแข็งแกร่ง
• รายงานผลประกอบการบริษัทในกลุ่ม S&P500 ถูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 21.4% ในไตรมาสที่ 2 นี้ โดยปรับสูงขึ้นจากประมาณการณ์เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ 20.7%
• ข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯสะท้อนว่าสภาพเศรษฐกิจยังมีบางช่วงที่อ่อนตัว โดยยอดการเริ่มต้นสร้างบ้านใหม่ปรับลง 12.3% ในเดือนมิ.ย. ทำระดับต่ำสุดรอบ 9 เดือน จากการชะลอตัวของกลุ่มรับเหมาท่ามกลางราคาไม้ที่ปรับสูงขึ้น ที่ดินและแรงงานที่ยังคงขาดแคลน
• ถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดในการตอบข้อซักถามของคณะกรรมาธิการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนนี้ ยังคงเป็นการกล่าวย้ำประเด็นเดียวกับคืนวันอังคาร และยังมีการระบุถึงประเด็น นโยบายกีดกันทางการค้าทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นก็อาจสร้างความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกได้ ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับขึ้นปานกลางตามการปิดแดนบวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับรายงานผลประกอบการที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด
• ดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด +0.15% ท่ามกลางดัชนี Topix ที่เปิด -0.08% และดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.2% จากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ปรับตัวขึ้น
• นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า มองกรอบไว้ที่ 33.25-33.45 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องจากถ้อยแถลงของประธานเฟด ต่อสภาคองเกรส โดยได้แสดงความมั่นใจถึงเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ และระบุว่าเฟดจะยังเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในการเข้าซื้อดอลลาร์