กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF เตือน ความตึงเครียดเกี่ยวกับ Trade war ที่ขยายตัวขึ้น หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากนานาประเทศ อาจสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจโลกเป็นมูลค่ารวมกว่า 4.30 แสนล้านเหรียญ ภายในปี 2020 หรือคิดเป็น 0.5% ของยอด GDP ทั่วโลก
ถึงแม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับความเสียหายกันถ้วนหน้า แต่สหรัฐฯกลับเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด เนื่องจากการต่อต้านการนานาประเทศจะมารวมกันที่สหรัฐฯ ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ
เมื่อเปรียบเทียบจากรายงานภาพรวมทางเศรษฐกิจของ IMF ที่เปิดเผยเมื่อช่วงไตรมาสที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกกำลังก่อตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางทิศทางเศรษฐกิจโลกจะยังคงอยู่ในทิศทางขยายตัว แม้อัตราการขยายตัวจะลดลงไปบ้างก็ตาม
IMF ยังได้เตือนอีกว่า หากมีนโยบายเชิงกีดกันทางการค้าออกมาเพิ่ม ไม่ว่าจากประเทศใดก็ตาม จะส่งผลให้การลงทุนทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง สร้างความเสียหายต่อ Supply Chain ชะลอการผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยี และทำให้สินค้าของผู้บริโภคมีราคาสูงขึ้น
ทั้งนี้ IMF ยังคงคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปี 2019 ไว้ที่ 3.9% ดังเดิม แต่ย้ำเตือนถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจยุโรป อังกฤษ และญี่ปุ่น อาจเผชิญกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากความตึงเครียดทางการเมืองที่ขยายตัวขึ้น
โดยการเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษถูกคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.4% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 1.6% เมื่อเดือน เม.ย. เนื่องจากผลกระทบของตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในไตรมาสที่ 1/2018 แม้เศรษฐกิจอังกฤษจะสามารถปรับตัวขึ้นหลังจากที่ชะงักลงในช่วงเดือน มี.ค. ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บและหิมะที่ตกหนัก
เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี เป็นประเทศในกลุ่มยุโรปที่ถูกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจลงมา 0.3% สำหรับปีนี้ เมื่อเทียบกับที่ประเมินไว้ในเดือน เม.ย. โดยมีผลกระทบมาจากความตึงเครียดทางการเมืองที่อาจกดดันค่าเงินยูโร ซึ่ง IMF ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนในภาพรวมจะเติบโตได้ 2.2% ชะลอตัวลงจากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 2.4%
IMF ยังได้กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะชะลอการเติบโตลง โดยคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนปีนี้ไว้ที่ 6.6% ขณะที่ เศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้จะมีความเสี่ยงจาก Trade war แต่อาจได้รับแรงหนุนจากนโยบายปฏิรูปภาษี โดยคงคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯปีนี้ไว้ที่ 2.4%
สำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่นถูกคาดการณ์ว่าจะชะลอการขยายตัวลงสู่ระดับ 1% ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวที่น้อยที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว ท่ามกลางแรงกดดันจากการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่อ่อนแอและปริมาณการลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 1/2018